8แอร์ไลน์ขอซอฟต์โลนเพิ่ม2.4หมื่นล.

16 เม.ย. 2563 | 14:40 น.

8 สายการบินของไทย ขอรัฐหนุนซอฟต์โลนเพิ่มจาก1.6หมื่นล้านบาทเป็น2.4หมื่นล้านบาท หลังนกสกู๊ตเข้าร่วมวงด้วย โดยไทยแอร์เอเชีย ขอกู้มากสุด 4.5 พันล้านบาท

 

     วันนี้ (16 เมษายน2563) สายการบินเอกชนของไทย ได้มีการประชุมร่วมกันถึงความต้องการในการขอให้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟต์โลน โดยได้ข้อสรุปว่า จะมี 8  สายการบินของไทย ขอซอฟต์โลน รวมกัน 24,150 ล้านบาท

     โดยเป็นการขอซอฟต์โลนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ขอให้รัฐบาลสนับสนุนวงเงินอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ที่ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2563 เรื่องมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในภาคธุรกิจการบิน และล่าสุดสายการบินนกสกู๊ต ก็ได้แสดงความจำนงที่จะขอซอฟต์โลนด้วย เพิ่มจากก่อนหน้านี้ที่มี 7 สายการบิน

     ทั้งนี้สายการบินทั้ง 8 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์, สายการบินนกแอร์, สายการบินบางกอกแอร์เวย์, สายการบินนกสกู๊ต ,สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์,ไทยแอร์เอเชีย,นกแอร์ และสายการบินไทยสมายล์  พร้อมจะออกเอกสารยื่นเพิ่มเติม เรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้ง ในการขอกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 24,150 ล้านบาท เพื่อประคองธุรกิจและรักษาสภาพการจ้างงานให้มากที่สุด

 

     โดยจะนำเสนอรายละเอียดวงเงินกู้ แบ่งตามสัดส่วนความจำเป็นของแต่ละสายการบิน เพื่อให้รัฐบาลพิจารณามาตรการช่วยเหลือ และอนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในวงเงินดังกล่าว ซึ่งแต่ละสายการบินมีความต้องการวงเงินดังนี้ 1.สายการบินบางกอกแอร์เวย์ วงเงิน 3,000 ล้านบาท 2.สายการบินไทยแอร์เอเชีย วงเงิน 4,500 ล้านบาท 3.สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ วงเงิน 3,000 ล้านบาท 4.สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ วงเงิน 3,750 ล้านบาท 5.สายการบินไทยเวียตเจ็ท วงเงิน 900 ล้านบาท 6.สายการบินไทยสมายล์ วงเงิน 1,500 ล้านบาท 7.สายการบินนกสกู๊ต วงเงิน 3,500 ล้านบาท และ 8.สายการบินนกแอร์ วงเงิน 4,000 ล้านบาท

 

8แอร์ไลน์ขอซอฟต์โลนเพิ่ม2.4หมื่นล.


     ทั้งนี้การขอกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำนั้น จะขอดอกเบี้ย 2% เป็นระยะเวลา 60 เดือน เริ่มชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในวันที่ 1 ม.ค. 2564 ขณะเดียวกันเนื่องจากผลกระทบจากวิกฤติของการแพร่ระบาดของโรคไวรัส COVID-19 ที่มีต่อสภาวะทางการเงินของสายการบินอย่างมหาศาลในขณะนี้ สายการบินมีความจำเป็นที่ต้องขอเบิกเงินงวดแรกเป็นจำนวน25% ของวงเงินกู้ภายใน เม.ย. 2563 เพื่อใช้ประคองธุรกิจให้ดำเนินการได้ รวมถึงรักษาสภาพการจ้างงานของพนักงานบริษัทในแต่ละสายการบินได้อย่างทันท่วงที

     อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสายการบินเป็นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจหากวิกฤติโรคระบาดดังกล่าวได้คลี่คลายลง เนื่องจากเป็นส่วนที่จะนำพานักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการรักษาให้ทุกสายการบินในประเทศไทยยังคงอยู่ได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญ

     นอกจากนี้ ธุรกิจสายการบินในประเทศไทยมีพนักงาน 20,000-30,000 คน ซึ่งในช่วง มี.ค.-เม.ย. 2563 เกือบทุกสายการบินได้หยุดทำการบินทุกเส้นทาง หมายความว่าทุกสายการบินไม่มีรายได้เข้ามา แต่ยังคงจ้างงานพนักงานของแต่ละสายการบินไว้ให้มากที่สุด โดยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากรัฐบาล จึงเป็นหัวใจสำคัญต่อธุรกิจสายการบินเป็นอย่างมาก