นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าจากที่ขณะนี้มีโรงแรมเป็นจำนวนมากเตรียมจะปิดบริการเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนนี้ แต่ยังไม่สามารถหาข้อตกลงเรื่องการจ่ายเงินชดเชยระหว่างพนักงานกับเจ้าของได้ เนื่องจากผู้ประกอบไม่มีกระแสเงินสด หลังจากรายได้ลดและอัตราการเหลือเป็น 0 %
ดังนี้นแต่ละโรงแรมจึงหาทางออกแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าโดยให้พนักงานโรงแรมไปยื่นต่อประกันสังคมเพื่อรับชดเชยการว่างงาน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีการตีความว่าไม่เข้าข่ายผู้ประกันตนว่างงานตามมาตรา 33 ที่ประกันสังคมจะจ่ายเงินว่างงานจากเหตุสุดวิสัยในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เพราะตามประกาศพรก.ฉุกเฉินไม่ได้ระบุให้ปิดโรงแรม ซึ่งต่างจากศูนย์การค้าและบริการอื่น ๆ
“ทั้งที่ความเป็นจริงธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าโควิด-19 และการประกาศพรก.ฉุกเฉินชัดเจน ผู้ประกอบการจึงเรียกร้องให้ กระทรวงแรงงานฯ พิจารณาเรื่องนี้เพื่อความเป็นธรรมกับลูกจ้างที่จ่ายเบี้ยประกันทุกเดือน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าช่วงที่โรงแรมไม่มีรายได้จนต้องปิดชั่วคราวและไม่ต้องการเลิกจ้าง”
นายสัมพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงแรมขนาดใหญ่หรือเชนโรงแรมไม่มีปัญหาจะใช้วิธีการจ่าย 75 % ของค่าจ้างตามกม.แรงงาน ช่วงปิดชั่วคราว แต่โรงแรมขนาดเล็กไม่สามารถทำได้ จึงต้องการผลักดันให้ประกันสังคมเข้ามารับภาระ โดยให้ผู้ประกันตนรับเงินชดเชย 50% ตามอัตราค่าจ้างแต่ไม่เกิน 15,000 บาท ซี่งก็เท่ากับ 7,500 บาท
นอกจากนี้ผู้ประกอบแต่จังหวัดยังได้หาทางออกด้วยการเสนอให้ผู้ว่าราชการ ประกาศพรก.ฉุกเฉิน โดยระบุให้ปิดโรงแรมด้วย เพื่อเปิดทางให้พนักงานสามารถรับเงินชดเชยประกันสังคมได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเช่นกันเพราะแต่ละพื้นที่ต้องดำเนินการกันเอง ซึ่งถ้าหากรัฐบาลพิจารณายกเว้นเรื่องนี้ก็เท่ากับเป็นการช่วยผู้ประกอบการและพนักงานโรงแรมที่มีทั่วประเทศที่ได้ผลกระทบกับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน นายสัมพันธ์กล่าว