1 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานข่าวจากคณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เมื่อวันที่ 31 เมษายนที่ผ่านมามีเอกสารเผยแพร่ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงินดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารฯได้นำชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 3 แห่ง คือ บริษัทเมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ และศูนย์ประมูลรถเมืองไทยแคปปิตอล อำเภอเมืองชลบุรี และอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อหาเอกสารหลักฐานดำเนินคดีอาญากับบริษัทผู้ให้บริการจำนำทะเบียนรถรายใหญ่ของเมืองไทย ในความผิดฐาน เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ. ศ. 2560
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ได้ดำเนินการตรวจยึดเอกสารหลักฐาน อาทิ เอกสารสัญญาการให้กู้ยืมระหว่างบริษัทกับลูกหนี้ สัญญาการประมูลรถยนต์ จักรยานยนต์ และสัญญาประกอบอื่นๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมเพื่อประกอบการพิจารณา ว่าเข้าข่ายที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
การเข้าตรวจค้น เอกสารหลักฐาน ของพนักงานสอบสวนคดีการเงินการธนาคาร และการฟอกเงินในครั้งนี้ เนื่องจาก ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ที่ทำสัญญาเงินกู้กับบริษัทเอกชนรายดังกล่าวว่า มีการทำสัญญาเงินกู้โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และใช้หลักทรัพย์ เป็นทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยมีการทำสัญญาในลักษณะดังกล่าวผ่านเครือข่ายสาขามากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหรือไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยได้ตามสัญญาที่กำหนดจะถูกปรับประกัน ที่ระบุไว้ในสัญญามาทำการขายทอดตลาด ดีเอสไอ จึงจำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ดีเอสไอ จึงขอประชาสัมพันธ์หากลูกหนี้หรือผู้เสียหายรายใดประสงค์จะส่งข้อมูลหรือแจ้งเบาะแส สามารถจะแจ้งหรือร้องทุกข์กล่าวโทษได้โดยตรงที่ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ดีเอสไอ โทร.02-8319888 ต่อ 50302 หรือจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน DSI อาคาร ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติอาคาร B ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ได้นำตัวแทนผู้เสียหายที่ได้รับความเดือนร้อนจากการปล่อยกู้จำนำทะเบียนของบริษัทเมืองไทยแคปปิตอล จำกัด(มหาชน) ผู้ประกอบการปล่อยกู้จำนำทะเบียนรถรายใหญ่ราว 30 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปล่อยกู้จำนำทะเบียนรถหรือรถจักรยานยนต์ ที่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดด้วย
โดยนางวาสนา เนินสลุง วัย 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีทีผู้เสียหายในนามกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้เคยร้องดีเอสไอก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อน จากการไปกู้เงินจำนำทะเบียนรถ โดยถูกเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งทางกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้เคยยื่นร้องดีเอสไอมาเป็นปีแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า
“ยังคงมีชาวบ้านอีกหลายรายที่ต้องตกเป็นเหยื่อ บางคนยังต้องหาเช้ากินค่ำ เมื่อต้องมาเจอกับอัตราดอกเบี้ยโหดแบบนี้ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถจะหาเงินมาจากค่าดอกเบี้ยได้ หลายรายไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด หรือผิดนัดก็จะถูกยึดรถที่หลักประกันไปขายทอดตลาดทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก"
ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวได้ดำเนินการปล่อยเงินกู้โดยใช้ทะเบียนรถจักรยานยนต์ หรือ รถยนต์ เป็นหลักประกันโดยมีสาขาอยู่กระจายทั่วประเทศกว่า 4,000 แห่ง มากกว่าหลายธนาคารเสียอีก ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับเรื่องไว้แล้วได้แจ้งว่า จะส่งให้ผู้รับผิดชอบต่อไปและจะรายงานความคืบหน้าแก่ผู้เสียหายและกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้เป็นระยะๆต่อไป