โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ที่ระบาดหนักในจีนและกำลังแพร่ไปหลายประเทศส่งผลนักท่องเที่ยวลดวูบกระทบผู้เช่าในศูนย์การค้าโดยเฉพาะแหล่งที่รองรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก รวมทั้งศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ย่านสี่แยกปทุมวัน จนต้องรวมตัวร้องผู้บริหารขอปรับลดค่าเช่า
เจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่งในศูนย์การค้า เอ็ม บี เคฯ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา ยอดขายของร้านลดลงกว่า 70% จึงอยากให้ทางศูนย์ฯช่วยเหลือเรื่องค่าเช่า ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าไม่ต้องลดถึง 50% ก็ได้ อาจลด 20-30% ในช่วงที่มีปัญหา เพราะทางศูนย์การค้าอื่น เช่น แพลทินัมก็ลดค่าเช่า 20% ให้ร้านค้าเพราะเมื่อยอดขายลดลงต้องแบกภาระสินค้าที่ขายไม่ได้แล้ว ทางศูนย์ฯเพิ่งปรับค่าเช่าขึ้น 5% ทำให้แบกภาระต่อไม่ไหว ในโซนมือถือก็ปิดร้านไปหลายรายแล้ว เพราะลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนลดลงเห็นได้ชัด
“ลูกค้าจีนทยอยลดลงมากว่า 2 ปีแล้ว โดยส่วนใหญ่หันไปจับจ่ายในห้างใกล้เคียง เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ แทน เพราะมีแม่เหล็กดึงดูดลูกค้ามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้านอาหาร การตกแต่ง ยิ่งมาเจอโคโรนา ระบาดยิ่งขายลดลง ที่พอประทังอยู่ได้เพราะมีลูกค้าชาวอาหรับจากตะวันออกกลาง”
ขณะที่เจ้าของร้านขายรองเท้ารายหนึ่ง กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้งัดกลยุทธ์การขายมาใช้หลายรูปแบบ แต่ก็ไม่เป็นผล ตอนนี้ทำได้แต่รอมาตรการช่วยเหลือจากทางศูนย์ อยากให้ช่วยพิจารณาลดค่าเช่า และจัดงานกระตุ้นลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น
ล่าสุด (25 ก.พ.63) ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้ส่งจดหมายถึงผู้ประกอบการร้านค้าภายในศูนย์ มาประชุมฟังความคิดเห็นและหาทางออก นำโดยนายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้ประกอบการร้านค้าให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจำนวนกว่า 300 คน
นายสมพล กล่าวว่า ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ตระหนักถึงความลำบากของผู้ประกอบการร้านค้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเร่งนำเสนอแนวทางการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และดีที่สุดอย่างรอบด้าน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยขณะนี้ ได้นำเสนอแนวทางการลดค่าเช่าให้ผู้ประกอบการร้านค้ากับคณะกรรมการบริษัท เพื่อเร่งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดแล้ว และจะแจ้งรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือให้กับผู้ประกอบการร้านค้าไม่เกินวันที่ 15 มีนาคม 2563 หรือโดยเร็วที่สุด”
ส่วนกรณีมีข่าวแพร่สะพัดในสื่อสังคมว่า มีการนำผู้ป่วยชาวจีนติดเชื้อโควิด-19 ที่มาทำงานที่เมืองใหม่โก๊กโก่ของกลุ่มธุรกิจหย่าไถ้ โดยนำจากฝั่งเมียนมาข้ามแม่นํ้าเมยมาฝั่งไทย ที่ท่าข้าม 23 หรือท่าพ่อเลี้ยงคำ บ้านวังแก้ว หมู่ 4 ห้วยกะโหลก ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแม่สอด จนตื่นตระหนกไปทั่วนั้น
ล่าสุดนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ประสานกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข และรับทราบว่า ผลการตรวจระบุว่าผู้ป่วยชาวจีนรายดังกล่าวมีอาการปอดบวม เป็นเบาหวาน และนํ้าตาลในเลือดสูง ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ผู้ว่าฯตากยังตำหนิบุคคลที่ปล่อยข่าวเท็จ ว่าเป็นการทำลายสังคม ทำลายเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด สร้างความตื่นตกใจให้ประชาชน
ขณะที่นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด เป็นประธานประชุมหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ชาวแม่สอดตื่นตระหนกว่าระบาดในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยที่ประชุมให้มีการตั้งจัดตรวจแบบถาวรที่ท่าข้าม 23 ท่าวังแก้ว หมู่ 4 บ้านห้วยกะโหลก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ เพราะฝั่งตรงข้ามคือเมืองใหม่โก๊กโก่มีชาวจีนมาอาศัยอยู่มาก ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และให้ทุกท่าข้ามมีการตรวจคัดกรองตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,552 วันที่ 27 - 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563