ร้อนจัด-ฝุ่นพิษ   ตลาดแอร์ระอุ 3 หมื่นล้าน

27 ก.พ. 2563 | 09:00 น.

ตลาดแอร์ 3 หมื่นล้านปะทุเดือด ชี้อานิสงส์อากาศร้อน-PM2.5 ทำคนไทยแห่ซื้อเพิ่มแบรนด์ดังมั่นใจยอดขายพุ่ง เร่งส่งซีรีส์ใหม่ อัดโปรโมชัน เสริมบริการ หวังโกยรายได้ล่วงหน้า

การคาดการณ์ว่าปีนี้ประเทศไทยจะมีสภาพอากาศร้อน ทำให้ผู้ประกอบการที่อาศัยช่วงหน้าร้อนทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มทำความเย็น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่างคาดหวังว่าจะเติบโต ผนวกปัจจัยเรื่องของฝุ่นละออง PM 2.5 และไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ต่างทำให้คนไทยระมัดระวังและใส่ใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น จึงกลายเป็นอานิสงส์ทำให้ตลาดปีนี้คึกคัก

นายปริญญา มานวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศสัญชาติไทยแบรนด์มาเวล” (Mavell) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทเปิดตัวเครื่องปรับอากาศมาเวลออกทำตลาดเมื่อปีก่อน และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจนสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 1.5 หมื่นชุด ในปีนี้บริษัทจึงเตรียมแผนการตลาดเชิงรุกอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ในกลุ่มอินเวอร์เตอร์ ที่เน้นประหยัดพลังงานและสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ควบคู่กับการทำการตลาดเชิงรุกทั้งในส่วนของโปรโมชัน และการสื่อสารแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้บริษัทยังมีการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ช่างในการแก้ไขปัญหาลูกค้า สร้างความเชื่อถือแก่แบรนด์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของตัวแบรนด์ พร้อมกันนี้ยังมีการเพิ่มจำนวนดีลเลอร์เป็น 350 ราย จากเดิมที่มี 200 ราย เพื่อให้ครอบคลุม ก่อนจะวางงบการลงทุน 250 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในย่านคลอง 9 บนพื้นที่ 5-8 ไร่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกกว่า 2 แสนชุด จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ 2.5 แสนชุดต่อปี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2564 อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 3 หมื่นชุด หรือ 300 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 1.5 หมื่นชุดหรือมีรายได้ 180 ล้านบาท ก่อนจะวางเป้าหมายเพิ่มยอดขายเป็น 1 แสนชุด หรือคิดเป็นรายได้ 1,000 ล้านบาท

ร้อนจัด-ฝุ่นพิษ   ตลาดแอร์ระอุ 3 หมื่นล้าน

นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโตกว่าปีก่อน ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนส่งผลให้ความต้องการใช้มีมากขึ้น รวมทั้งเรื่องของฝุ่นละออง PM 2.5 และปัจจัยการทำตลาดอย่างเต็มที่ของผู้ประกอบการ ส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตไม่ตํ่ากว่า 6% หรือคิดเป็นยอดขายราว 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่มิตซูบิชิ จะให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริการหลังการขาย โดยใช้งบลงทุนกว่า 30 ล้านบาทในการขยายศูนย์บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ และสำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี นครศรีธรรมราช เป็นต้น

 

นอกจากนี้ยังขยายเวลาให้คำปรึกษา และเปิดให้บริการซ่อมด่วน Express Team Sevice ภายใน 24 ชั่วโมง รวมทั้งคิดค้นระบบ Smart Service Tool เครื่องมือพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตรวจเช็กอาการผิดปกติของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ ในระบบอินเวอร์เตอร์ผ่านโมบาย แอพพลิเคชันด้วย ซึ่งในปีนี้บริษัทเน้นขยายกลุ่ม B2B อาทิ โรงแรม ร้านค้า อพาร์ตเมนต์ ฯลฯ มากขึ้น

ภาพรวมตลาดแอร์คาดว่าจะเติบโต 6% แต่ของมิตซูบิชิคาดว่าจะเติบโตมากกว่า ซึ่งปัจจุบันมิตซูบิชิมีส่วนแบ่งตลาดราว 33-35% เป็นผู้นำในตลาดแอร์ ขณะที่รายได้โดยรวมทั้งหมด 1.67 หมื่นล้านบาทในปีนี้จะมาจากตลาดแอร์ 60%”

ด้านนายโยชิฮิโระ ฮาชิโมโตะ กรรมการผู้บริหารสำนักงาน และประธานกรรมการภาคพื้นอาเซียน บริษัท ชาร์ปฯ สำนักงานใหญ่ และนายโรเบิร์ต อู๋ กรรมการผู้จัดการ ชาร์ป ไทย และ ชาร์ป มาเลเซีย กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าในเครือของบริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดที่สอดคล้องกับซีซันนัลมาร์เก็ตติ้งที่จะมีสินค้าใหม่ลงตลาดตามความต้องการในแต่ละช่วงจังหวะและโอกาส โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มธุรกิจเครื่องปรับอากาศในปีนี้ ที่บริษัทเตรียมเปิดตัว 12 รุ่นใหม่ โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการมีเทคโนโลยีพลาสมาคลัสเตอร์ในการรุกตลาด เพื่อผลักดันให้ยอดขายโดยรวมของบริษัทติบโตได้ 20%

 

นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ได้เตรียมส่งสินค้าใหม่ลงตลาดรวม 38 รุ่น เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น โดยเน้นที่สินค้า 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องครัว ประกอบด้วย หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องปั่น กระติกนํ้า กานํ้าและเครื่องใช้ในบ้าน อาทิ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำนํ้าอุ่น เครื่องกดนํ้า และใหม่ล่าสุด เครื่องกรองนํ้า ในปีนี้บริษัทตั้งใจรุกตลาดเครื่องปรับอากาศเต็มที่ โดยตั้งเป้าโตเท่าตัว 100% เน้นจำหน่ายเครื่องปรับอากาศแบบติดผนังเฉพาะรุ่นอินเวอร์เตอร์เท่านั้น รวม 14 รุ่น เพื่อตอบรับกับเทรนด์ตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง นอกจากเครื่องปรับอากาศแบบผนังแล้ว บริษัทยังมีเครื่องปรับอากาศกึ่งพาณิชย์ อีก 60 รุ่น ซึ่งเน้นเจาะตลาดโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม รวมถึงหน่วยงานราชการ

สำหรับแผนการตลาดปีนี้จะมีแคมเปญหลัก ภายใต้ธีมDetails Matter” ทั้งบนออนไลน์ โซเชียลรวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขาย ร้านค้า บริษัทเตรียมงบประมาณสำหรับการส่งเสริมการขาย การตลาด โดยมุ่งเน้นที่การสร้างแบรนด์โตชิบาให้เป็นที่จดจำต่อสาธารณชนรวมถึง จุดขาย และการโฆษณาและส่งเสริมการขายเพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆ

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,552 วันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2563