แบรนด์สตอรีส์
กฤษณ์ ศิรประภาศิริ
“ทุ่งสัมฤทธิ์” เป็นสมรภูมิที่ท้าวสุรนารีได้สร้างวีรกรรม ปราบทหารต่างชาติที่มารุกรานในอดีต
วันนี้ TERMINAL 21 ศูนย์การค้าทันสมัย กลางเมืองโคราชถูกบันทึกเป็น “โศกนาฏกรรม” ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวนครราชสีมาจากเหตุการณ์ “กราดยิง” (MASS SHOOTING) โดยฝีมือ “จ่าทหาร” ในราชการที่ตอนนี้ถูกเรียกว่า “จ่าคลั่ง”
วิเคราะห์กันในเบื้องต้นว่าสาเหตุมาจากการโดนโกงเงินจำนวนหนึ่ง การไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก “ผู้บังคับบัญชา” ไปจนถึงการโดนกลั่นแกล้งตามธรรมเนียม “กองทัพ” ที่ผู้น้อยมีสิทธิ์โดนทำร้ายทั้งร่างกาย และจิตใจเป็นเรื่อง “ธรรมดา”
อดีตนายทหารผู้ใหญ่ (มาก) ท่านหนึ่ง เล่าให้ผมฟังโดยไม่อายว่า วันหนึ่งเกิดหมั่นไส้ทหารเณรที่สักรูปมังกรบนต้นแขน เลยเรียกทหารผู้เคราะห์ร้ายเข้ามาหา แล้วนายทหารท่านนั้นก็ยกเท้าที่ใส่บูตเหยียบเข้าไปที่ต้นแขนที่มี “มังกรศักดิ์สิทธิ์” ตามความเชื่อของ “ไอ้เณร” ฯลฯ ....
เรื่องราวทุกข์ทรมานในกองทัพคงมีอีกมาก “เขตทหารห้ามเข้า” ก็คงต้องปล่อยให้นายทหารดีๆ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ทันโลก CIVILIZED
วิเคราะห์ลึกไปอีกชั้นหนึ่ง จิตแพทย์สงสัยว่าเล็กๆ “จ่าคลั่ง” คนนี้อาจถูกรังแกหรือ “ล่วงละเมิด” (ABUSED)
หรือเป็น PRISONER OF WAR SYNDROME ซึ่งที่สหรัฐอเมริกาเป็นกันมาก เชลยสงครามชาวอเมริกันที่ถูกจับเป็นเชลยในต่างแดนและถูกทรมานถ่วงนํ้า ขังเดี่ยว หรือทำงานหนักจวนเจียนจะตาย แต่เชลยพวกนี้ยังมี “ใจสู้” อยู่ด้วยความหวังว่าสักวันจะเป็นอิสระ กลับบ้านเกิดเมืองนอน กลับไปอยู่กับครอบครัวที่รักอีกครั้งหนึ่ง
เชลยสงครามเหล่านี้ หลายคนได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ได้กลับ “บ้าน” แต่เอาเข้าจริง หลายคนรับสภาพความเป็นอยู่ที่ “ปกติธรรมดา” ไม่ได้
มีตัวอย่างอยู่ 2-3 ราย
“เชลยสงครามเวียดนามคนหนึ่ง เข้าแถวซื้อ HAMBURGER อยู่ดีๆ มีคนอเมริกันในแถวพูดอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง เชลยผู้นั้นก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้าย “คนพูด” คนนั้น จนเจ็บสาหัส สอบสวนได้ความว่า วูบเดียวที่เขาโกรธ เนื่องจากนึกถึงตอนที่เขาถูกทรมาน ประสบชะตากรรมเลวร้าย ขณะที่เพื่อนร่วมชาติในบ้านต่างสุขสบาย
เชลยสงครามชาวอังกฤษคนหนึ่ง บันดาลโทสะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เมื่อเสมียนธนาคารยื่นแบบฟอร์มให้กรอกประวัติเปิดบัญชีธนาคาร เขากลับไปบ้านและเอาปืนมายิงเสมียนผู้เคราะห์ร้ายถึงแก่ความตาย เขาให้การกับศาลว่า วินาทีที่เสมียนธนาคาร ยื่นแบบฟอร์มให้เขากรอกประวัติ ทำให้เขาเห็นภาพของตนเองที่ถูกทหารฝ่ายตรงข้ามที่จับกุมเขาซักถามชื่อ และยศในขณะที่เขาถูกมัดมือไขว้หลัง เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดรับไม่ได้ จึงต้องฆ่าเสมียนธนาคารผู้เคราะห์ร้ายนั้นเสีย (ศรินทร เมธีวัชรานนท์ : “ภูเขาเคลื่อนได้”)
เหตุการณ์ “กราดยิง” (MASS SHOOTING) เกิดขึ้นบ่อยในประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดทีไรก็สะเทือนขวัญประชาชนทั้งประเทศ และมีเสียงเรียกร้องให้ “จำกัดเสรีการมีอาวุธ” เพราะในสหรัฐฯ ซื้อขายปืนกันง่ายดายเหลือเกิน แต่ไม่นานเสียงเรียกร้องก็จะเงียบไป เพราะในอเมริกามีประโยคศักดิ์สิทธิ์อยู่ประโยคหนึ่ง
WHEN GUNS ARE OUTLAWED , ONLY THE OUTLAWS WILL HAVE GUNS
ทำนองว่าไปจำกัดการมีปืน ผู้ร้ายหาปืน (ไม่ถูกกฎหมาย) ได้ง่ายอยู่แล้ว คนดีๆจะไปหาปืนมาป้องกันตัวเอง หรือช่วยฆ่าช่วยปราบ “ไอ้คลั่ง” กลับหมดโอกาส
กราดยิงกันที เศร้าเสียใจทันที แล้วมาถกเถียงเรื่องการครอบครองปืนอาวุธทันที....ท้ายสุดก็เงียบไป (เหมือนหลายเรื่องในประเทศด้อยพัฒนา “ไฟไหม้ฟาง”)
เหตุการณ์ที่เมืองไทย ผู้คนสงสัยว่าทำไมอาวุธทางการถึงได้ปล้นได้ง่ายดาย MASS SHOOTING ครั้งแรกที่โคราชนี้ คงไม่มีใครอยากให้เกิดในเมืองไทย เมื่อเกิดแล้ว ไม่อยากให้เกิดอีก
“ทางการ” ที่รับผิดชอบคงต้องหาทางปรับปรุงแก้ไข “ระบบ” ที่เน่าเสียและเตรียมการ “ป้องกัน” ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ในเหตุการณ์แสนเศร้าบน “ทุ่งเทอร์มินอล 21” ครั้งนี้ นักศึกษาอาชีวะวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา อธิวัฒน์ พรมสุข ได้สร้าง “วีรกรรม” อันควรจดจำ ยกย่อง
“น้องเดียร์” เสียสละตน ปกป้องประตูห้องเย็นที่เป็นที่หลบซ่อนของอีก 8 ชีวิต ทำหน้าที่ดูแลประตู ดึงประตูไว้จากเย็น (16.00 น.) ถึงเช้า (8.00 น.) เพื่อไม่ให้โจรเปิดได้ ท่ามกลางอุณหภูมิ (ห้องเย็น) 5 องศา
ก่อนหน้านั้น อธิวัฒน์ พรมสุข ถอดเสื้อยืดด้านในของตนเอง ทนหนาว เพื่อพันมือห้ามเลือดให้กับ น.ส.กรรณิการ์ การบรรจง พนักงานฟู้ดแลนด์ที่ถูกยิงที่มือขวา และเลือดไหลไม่หยุด
อธิวัฒน์ พรมสุข เป็นความหวังของพ่อแม่ เป็นที่รักของเพื่อนและครูบาอาจารย์
เป็นความสูญเสีย “เด็กน้อยตัวเล็ก” แต่ “ยิ่งใหญ่”......
ข้อความสุดท้ายที่ “เดียร์” ส่งมาให้เพื่อนๆคือ “...ไม่มีอากาศหายใจแล้ว อากาศเหลือน้อยเต็มทีแล้ว...”
ขอดวงวิญญาณของ อธิวัฒน์ พรมสุข จงไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ...
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,550 วันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2563