ชงยาแรงแจก2พันบาท ดึงขรก.เกษียณเที่ยวไทย

16 ก.พ. 2563 | 11:13 น.

“สทท.” แจงยิบห่วงธุรกิจขาดสภาพคล่องหนัก ส่อตกงานนับแสน กระทุ้งรัฐหนุนซอฟโลน-ผ่อนปรนภาษี หลังประเมินทัวร์จีนหดเหลือ 3 พันคน/วัน ชงยาแรงแจกเงินขรก.เกษียณเที่ยวในประเทศหัวละ 2 พันบาท  

นายชัยรัตน์   ไตรรัตนจรัสพร  ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าได้ทำสรุปมาตรการให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิค-19 ที่ขณะนี้ขยายวงไปทั่วโลก และคาดว่าประเทศไทยจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 150,000 ล้านบาท

ชงยาแรงแจก2พันบาท ดึงขรก.เกษียณเที่ยวไทย

จากการประเมินคาดว่าตลาดจีนจะหายไป 90 % เหลือนักท่องเที่ยวเพียงเดือนละ 90,000 คน จากปรกติมีจำนวนเดือนละ 900,000 คน หรือเหลือนักท่องเที่ยวจีนวันละ 3,000 คนเท่านั้น และคาดว่านักท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน รัสเซีย ยุโรป และอเมริกา ฯลฯ อีกจำนวนหนึ่งจะหายไปจากระบบคิดเป็นรายได้ที่หายไปเดือนละ 49,500 ล้านบาท

จากการวิเคราะห์พบว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในทันทีมี 9 ธุรกิจหลัก ได้แก่ สายการบิน 30 ราย ผู้ประกอบการขนส่งทางบก รถบัส-รถตู้-รถเช่า-มอเตอร์ไซด์-เรือท่องเที่ยว-เจ็ทสกีราว 10,000 ผู้ประกอบการ  ธุรกิจที่พักโรงแรมที่มีใบอนุญาต 6,000 แห่ง และที่ไม่มีใบอนุญาตกว่า  20,000 แห่ง รวมกว่า 26,000 แห่ง

ชงยาแรงแจก2พันบาท ดึงขรก.เกษียณเที่ยวไทย
นอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิงธุรกิจสปากกว่า 5,000 แห่ง บริษัทนำเที่ยวทั้งระบบราว  8,500 บริษัท มัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยวที่ได้รับผลกระทบทั้งผู้ที่มีใบอนุญาต  70,000  รายและที่ทำงานอยู่ในระบบอีก 32,000 ราย ร้านอาหาร  15,000 ร้าน  ร้านค้าขายของที่ระลึก 5,000  และธุรกิจ รพ.อีกกว่า 30 แห่ง

“คาดว่าผลกระทบรุนแรงอยู่ในช่วงราว 3 เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน) มูลค่าความเสียหายเป็นเงินหมุนเวียนราว 2 แสนล้านบาท จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องออกมาตราการช่วยเหลือผู้ประกอบการและกระตุ้นการใช้จ่ายภาคท่องเที่ยวโดยเร่งด่วน” นายชัยรัตน์ กล่าว

ประธานสทท. ยังกล่าวอีกว่า สทท.จึงได้เสนอแนวทางที่ได้รวบรวมมาจากการรับฟังจากสมาชิกทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ โดยในส่วนของ มาตราการเร่งด่วนทางการเงิน ได้แก่ 

ชงยาแรงแจก2พันบาท ดึงขรก.เกษียณเที่ยวไทย

1. ได้เสนอให้มีการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นลูกหนี้กับสถาบันการเงิน เป็นระยะเวลา 1ปี และให้ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระจากเดิมเป็น 2ปี

2.มาตราการดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 1% สำหรับวงเงินกู้ ไม่เกิน 2,000,000 บาทและ 3% สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10,000,000 ล้านบาท โดยให้มีระยะเวลาผ่อนชำระ 9 ปี 

3.ให้ บสย.เป็นผู้ค้ำประกันการกู้และให้งดเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันนาน 4

ปี 

4. งดเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงินค่าประเมินหลักทรัพย์ รวมถึงให้นำเอาดอกเบี้ยที่ได้ผ่อนชำระมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่า  

นอกจากนี้ยังมีมาตราการในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ ได้แก่  

1.เสนอให้งดเว้นการจ่ายเงินสมทบค่าประกันสังคมสำหรับนายจ้างและลูกจ้างกับสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบนาน 6 เดือน

2.เลื่อนการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี  2563  แก่ สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบไป 3 เดือน โดยผ่อนผันให้ชำระภายในเดือนตุลาคม 2563 

ส่วนมาตราการสนับสนุนการตลาดเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ มีการเสนอของบประมาณจำนวน 1,340  ล้านบาท  โดยเสนอให้ตั้งเงินกองทุนเพื่อใช้จ่ายในการสนับสนุนการทำการตลาดของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับตลาด Inbound   โดยเฉพาะตลาดจีนและตลาดอื่น ๆ หลังสถานการณ์คลี่คลาย วงเงิน 200 ล้านบาท 

ชงยาแรงแจก2พันบาท ดึงขรก.เกษียณเที่ยวไทย

ทั้งยังเสนอให้กระตุ้นการท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดเพื่อทดแทนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่หายไป ในวงเงิน 100 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการนำคนไทยไปท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวที่ตลาดจีนหายไป  เพื่อช่วยเหลือรถบัสและร้านอาหาร  เป็นเวลา 4 เดือนมีเป้าหมาย 200,000 ราย  ใช้วงเงินสนับสนุนค่าเดินทาง 200  ล้านบาท

นอกจากนี้ยังเสนอให้สนับสนุนการฝึกอบรมแก่บุคลากรที่ได้รับผลกระทบและให้มีการรับเบี้ยเลี้ยงในระหว่างการเข้าร่วมวันละ 500 บาท อบรมครั้งละ 2-3 วัน อาทิ ไกด์ พนักงานขับรถ ขับเรือ คนทำงานโรงแรมในวงเงิน 200 ล้านบาท เป้าหมายบรรเทาความเดือนร้อน 50,000 ราย การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารวิกฤตแก่ผู้ประกอบการ ด้านกม.แรงงาน บริหารสภาพคล่องเป้าหมาย 20,000 ราย และจัดทำหลักสูตร E-Learning  ตั้งเป้า200,000 ราย งบประมาณ 120 ล้านบาท 

รวมถึงสนับสนุนให้ข้าราชการที่เกษียณอายุและข้าราชการดีเด่น จำนวน 50,000 รายๆ ละ 2,000 บาท วงเงินงบประมาณ 100 ล้านบาท โดยให้มีการเดินทางพักค้างคืน อย่างน้อย 1 คืนทั้งนี้กำหนดเดินทางได้ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม-เดือนกันยายนนี้ เป็นต้น