เซ่นไวรัส ‘เมกอัพ’ 1.3 แสนล้านสะดุด เร่งปรับแผนปั๊มยอดขาย  

14 ก.พ. 2563 | 03:15 น.

ตลาดคอสเมติก เมกอัพส่งออก 1.3 แสนล้านบาทสะดุดเซ่นวิกฤติไวรัสอู่ฮั่น หลังจีนชัตดาวน์ประเทศ แบรนด์ไทยเร่งปรับทัพรับมือ “ศรีจันทร์” พลิกเกมโหมตลาดในประเทศ ออกสินค้าใหม่ครอบคลุมทุกกลุ่มหวังกระจายความเสี่ยง ด้าน “คาร์มาร์ท” เตรียมแผน 2 ให้เกาหลีและไทยผลิตแทน

ปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนาที่กำลังวิกฤติในขณะนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม ฯลฯ เท่านั้น หากแต่ยังพ่นพิษมายังอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าอุปโภค-บริโภค ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมเครื่องสำอางที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทของไทยที่กำลังเติบโตและไปได้สวยต่างได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทำให้แบรนด์ส่งออก เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของไทยที่กำลังเติบโตในจีนต่างเร่งปรับแผนรับมือ

นายรวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ ศรีจันทร์ และ ศศิ (sasi by Srichand) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ยอมรับว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบ ทำให้บริษัทชะลอแผนการทำกิจกรรมการตลาดที่เตรียมไว้ในประเทศจีนทั้งหมด เพื่อรอให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่หากการระบาดยังวิกฤติเรื้อรังในระยะยาว บริษัทต้องปรับแผนงานบริหารจัดการอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดีบริษัทไม่ได้พึ่งพากลุ่มลูกค้าที่ใดที่หนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะทำตลาดที่ครอบคลุมลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ดังนั้นเมื่อลูกค้าจีนได้รับผลกระทบ บริษัทก็จะกระตุ้นยอดขายจากลูกค้ากลุ่มคนไทยและลูกค้าชาวต่างชาติอื่นๆ แทน

เซ่นไวรัส  ‘เมกอัพ’ 1.3 แสนล้านสะดุด  เร่งปรับแผนปั๊มยอดขาย  

“ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม InBound หรือนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่เมื่อเกิดปัญหาย่อมส่งกระทบต่อยอดขายในสาขาที่เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่แล้ว ซึ่งช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าในสาขาที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวจีนนั้นมีจำนวนนักท่องเที่ยวและยอดขายลดลง จึงต้องจับตาดูสถานการณ์และหวังว่าปัญหาดังกล่าวจะจบลงโดยเร็ว”

ขณะที่แผนงานในประเทศปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งแบรนด์ศรีจันทร์และศศิ ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกเดือน ควบคู่กับการสื่อสารการตลาดครบวงจรทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดเครื่องสำอาง และรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ชื่นชอบสินค้าใหม่ โดยตั้งเป้าที่จะเติบโตในปีนี้ 10-15% ขณะที่ยอดขายในจีนปีนี้ยังไม่มีการวางเป้าหมายการเติบโตแต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอประเมินสถานการณ์
ของไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดว่าจะคลี่คลายได้รวดเร็วหรือไม่

ด้านนายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้า ส่งออกและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง อาทิ แบรนด์คาร์มาร์ท (Karmart), เคที่ ดอลล์ (CATHY DOLL) กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอประเมินสถานการณ์ภายหลังช่วงเทศกาลหยุดยาวของชาวจีนว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง จากการปิดเมืองกระทบต่อระบบขนส่ง การสัญจรที่ยังไม่สามารถทำได้

ทั้งนี้หากวิกฤติดังกล่าวยืดเยื้อ บริษัทวางแผนสำรองโดยการใช้ซัพพลายเออร์จากเกาหลีและไทยให้เป็นผู้ผลิตสินค้าแทน เพื่อรองรับในส่วนของมณฑลที่ยังสามารถจัดส่งสินค้าได้ พร้อมกันนี้ยังมีการเตรียมแผนงานระยะยาวด้วยการหันไปโฟกัสการทำตลาดในประเทศอื่นๆ ที่ปัจจุบันมีส่งออกไปจำหน่ายใน 13 ประเทศ อาทิ เวียดนาม เมียนมา ฟิลิปปินส์ ฯลฯ เพื่อเป็นการบาลานซ์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

“การขายในจีนเป็นการขายออนไลน์ 100% ทำให้ไม่มีปัญหาในส่วนของหน้าร้าน แต่จะกระทบในส่วนของการจัดส่งสินค้า ต้องมอนิเตอร์วันต่อวันเพื่อปรับแผนงาน”

อย่างไรก็ตามสำหรับแผนงานในประเทศปีนี้จะทยอยรีโนเวตสาขาเดิมทั้ง 70 สาขา ให้มีความสดใหม่ทันสมัย รองรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมความงามเมืองไทยที่ยังคงรุนแรง โดยเฉพาะการเข้ามาของช่องทางออนไลน์ ทั้งเน็ตไอดอล เซเลบฯ อินฟลูเอ็นเซอร์ ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบอยู่เสมอ ซึ่งอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการจับมือกับเหล่าผู้มีชื่อเสียงในการเปิดตัวแบรนด์เพื่อสร้างการเติบโต ควบคู่กับการเปิดตัวสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 5-10% แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10%

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาพบว่าการส่งออกเครื่องสำอางไทยมีมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท เติบโตกว่า 6% และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 6% เช่นเดิม แต่ทั้งนี้เป็นประมาณการที่มีขึ้นก่อนที่จะเกิดไวรัสโคโรนา

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,548 วันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2563