“ผู้นําไวรัส”

08 ก.พ. 2563 | 07:15 น.

แบรนด์  สตอรีส์

กฤษณ์  ศิรประภาศิริ

วันนี้คงไม่พูดถึง VIRUS ดัง CORONA หรือ WUHAN CORONAVIRUS ไม่ได้

แรกๆก็น่าอุ่นใจครับที่นักวิทยาศาสตร์ไทยคนเก่ง ออกมาให้ความมั่นใจ ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤกษาดี นักเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาฯ เชื่อว่า เชื้อมาจากค้างคาวและยังไม่มียารักษา หากร่างกายแข็งแรง จะสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง และเชื้อจะหายไปเอง

ส่วนศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำให้ “ป้องกันตนเอง” ใช้ “หน้ากากอนามัย” “ล้างมือบ่อยๆ” ฯลฯ

โชคดีของผมที่มีเพื่อนรักเพื่อนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยนักเรียนมัธยม ทำงานด้านระบาดวิทยาจนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก รศ.นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ เป็นหมอลงพื้นที่จริง กระซิบบอกผมว่า “อย่าประมาท” ตัวหมอทวี เองตอนนี้รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ตั้งเป็น “ที่ปรึกษา” วงการแพทย์/สาธารณสุขพออุ่นใจได้ว่า บ้านเรามีคนรู้จริง ทำงานจริง อยู่บ้าง

แน่นอนในประเทศ “ด้อยพัฒนา” ถึงผู้คนจะล้มตายจำนวนมาก โรคระบาดจะรุนแรง เศรษฐกิจจะล่มสลาย เดือดร้อนกันไปทั่ว ยังมีบรรยากาศของการถกเถียงเป็น “ประเด็นการเมือง” ประชาชนตาดำๆรับ “ข่าวสารเท็จ” “ผู้นำ” ที่ไม่สามารถให้ “ความอุ่นใจ”

“ผู้นำ” บางบ้านเมืองเหล่านี้ สู้ทีมฟุตบอล PREMIER LEAGUE ของอังกฤษยังไม่ได้เลย

LIVERPOOL : “YOU WILL NEVER WALK ALONE”

MANCHESTER UNITED : “WE WILL NEVER DIE” (ฮา)

ฟังดู “ขลัง” ให้ความมั่นใจมากกว่า ฯพณฯ บางท่านที่ชอบออกมาเกรี้ยวกราดกับประชาราษฎร์อย่างไรพิกล เพื่อตัดความรำคาญ ผมบินออกนอกประเทศมายังเพื่อนบ้านสิงคโปร์ ที่มีจำนวน “ผู้ต้องสงสัย” ว่าจะติดไวรัส CORONA ใกล้เคียงกับไทย (ประมาณ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563) 17-18 ราย

 อยากจะดูว่า “ผู้นำ” เขาบริหาร “วิกฤติ” อย่างไร ประชาชน เขา “ตอบสนอง” อย่างไร

สัมผัสแรก ก็แปลกใจ เพราะคนที่สิงคโปร์ (ส่วนใหญ่เป็น “จีน” ที่เคยได้ชื่อว่า “เจ๊กตื่นไฟ”) ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยมากมายแบบ “ประชาชนคนไทย”

คนสิงคโปร์คิดว่า “คนป่วย” ควรจะใส่ เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากการไอ การจาม ไม่ให้แพร่หลายใส่ “คนอื่น” ซึ่งน่าจะตรงกับความคิด “คนญี่ปุ่น” ที่เป็นชาติแรกๆ ที่ใส่ “หน้ากากอนามัย” ออกนอกบ้าน “คนป่วย” คือ “คนที่ควรใส่” เพื่อไม่ให้เดือดร้อนกับ “สังคมส่วนรวม”

ที่คนไทยเดือดร้อนใส่กันทั้งบ้านทั้งเมืองขณะนี้ ก็เพราะ “ความรอบคอบ” และ “ความรู้ทัน” พฤติกรรมเห็นแก่ตัวของคนไทย “บางส่วน” แม้ว่าตัวเองจะ “ป่วย” ก็ไม่ยอมใส่ บางคนมีความคิดไปทำนอง “ถ้าข้าป่วย เอ็งก็ไม่ควรอยู่สบาย”

คุ้นๆ ไหมครับกับ “ความคิด” ทำนองนี้

“ผู้นําไวรัส”

 

“คนป่วย” ต้องได้รับการดูแลอย่างดี เป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่ “งาน” ต้องมีให้คนทำ และช่วยให้ “ธุรกิจ” อยู่รอด นั่นก็สำคัญ

CHAN CHUN SING รมว.พาณิชย์และอุตสาหกรรมออกมายืนยันให้ความมั่นใจ

เราจะยืนเคียงข้างนักธุรกิจและคนงาน เพื่อให้ผ่านพ้น 
“วิกฤติ” WUHAN CORONAVIRUS ไปด้วยกัน

(หน้าที่รมว.ของเขา ไม่ใช่แค่ ส่งกำลังใจไปให้ชาว WUHAN สู้ สู้ (ฮา))

ที่สำคัญ รมว. CC SING ออกมาพูดความจริงกับประชาชนของเขา

ผลกระทบของ CORONAVIRUS ครั้งนี้ “กว้างกว่า ลึกกว่า ยาวนานกว่า” โรคระบาด SARS เมื่อปี 2003

โดยคนสิงคโปร์จะต้อง “ทำใจ” และ “เตรียมรับ” กับสงครามครั้งนี้ซึ่งคงจะยาวนาน

PREPARE YOURSELF : “PSYCHOLOGICALLY, EMOTIONALLY, ECONOMICALLY AND SOCIALLY”

มาตรการที่จะใช้ไม่ว่าทางสุขภาพ เศรษฐกิจ จะต้องเป็นมาตรการที่ยั่งยืนยาวนาน

มาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลสามารถช่วยได้ทันทีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือ การยกเลิกค่าธรรมเนียมโรงแรม เอเยนต์ ไกด์ ฯลฯ

การช่วยเหลือด้านสุขอนามัย การทำความสะอาด การฆ่าเชื้อ โรงแรมบริเวณที่มี “ผู้ต้องสงสัย” พำนักอยู่

รัฐบาลกำลังศึกษาความช่วยเหลือให้กับธุรกิจโรงแรม ฯลฯ ที่มีปัญหา CASH FLOW ETC.

สำหรับอุตสาหกรรมการบิน นอกจากจะหาทางช่วยเหลือเรื่อง “ลดต้นทุน” ยังหาทางที่จะรักษาต่อเชื่อมเส้นทางสิงคโปร์-จีน ให้กลับมาเหมือนเดิม

“ผู้นำ” ดี รัฐบาลดี บ้านเมืองดี

ในส่วน “พลเมือง” มี “เกร็ดย่อย” ที่ขอชมเชยคนของเขา รมว. S ISWARAN รัฐมนตรีกระทรวง COMMUNICATIONS AND INFORMATION สิงคโปร์ ออกมาชมผู้คนของเขาที่มีระเบียบในการรับแจก “หน้ากากอนามัย” ฟรี “แทบจะไม่มีคิวยาว หลายคนบอกไม่ขอรับ เพราะมีแล้ว เก็บไว้ให้คนที่เขาต้องการมากกว่าเราดีกว่า”

ไปชื่นชม “บ้านเมืองดี สังคมดี ผู้นำดี”

คงไม่โดนกล่าวหาว่า “ชังชาติ” นะครับ (เป็นอีกเรื่องที่ “คนไทย” เก่งในการสร้างคำให้แตกแยกครับ)

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,456 วันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2563