ท่องเที่ยวดิ้นเจาะตลาดใหม่ชดเชยจีนหาย2ล.คน

มาตรการสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาของรัฐบาลจีน ที่สั่งหยุดการจัดกรุ๊ปทัวร์พาคนจีนไปเที่ยวทั่วโลก เป็นมรสุมลูกใหญ่ของการท่องเที่ยวไทยปีนี้ที่กำลังลุกลามเป็นลูกโซ่ 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเมินว่า ในช่วง 3 เดือนหลังเทศกาลตรุษจีน (ก.พ.-เม.ย. 63) นักท่องเที่ยวจีนจะหายไปร่วม 2 ล้านคน สูญเสียรายได้ราว 1 แสนล้านบาท ทำให้ททท.และภาคเอกชนต้องเร่งหาตลาดเข้ามาชดเชยตลาดที่หายไป รวมถึงการเยียวยา
ผู้ประกอบการ ที่จะนำเสนอครม.เศรษฐกิจพิจารณาในวันที่ 31 มกราคมนี้

440 เที่ยวบินไทย-จีนอ่วม

นายทินกร ชูวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันที่มีเที่ยวบินจากต่างประเทศเข้าไทยอยู่ที่ 2.9-3 พันเที่ยวบินต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นเที่ยวบินในเส้นทางบินไทย-จีน เฉลี่ย 440 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-24 มกราคม 2563 ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 10% แต่นับจากวันที่ 21 มกราคมเป็นต้นมา เที่ยวบินในเส้นทางบินอู่ฮั่นจากปกติ 10-14 เที่ยวบินก็มีการทยอยลดเที่ยวบิน และหยุดบินทั้งหมดเมื่อวันที่ 24 มกราคม2563

อีกทั้งในวันที่ 27 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่จีนห้ามทุกมณฑลจัดนำเที่ยวไปยังต่างประเทศ ก็เห็นถึงการลดลงของเที่ยวบินในเส้นทางไทย-จีน อย่างมีนัยสำคัญ คือจากปกติ 440 เที่ยวบิน เหลือ 328 เที่ยวบิน และคาดว่าในอีกสัปดาห์จากนี้ จำนวนเที่ยวบินอาจจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากกรุ๊ปทัวร์จีนที่หายไป แต่ยังเชื่อว่าสายการบินยังคงให้บริการเส้นทางบินหลักในจีนต่อไป

นางชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยสมายล์ เผยว่า ปัจจุบันไทยสมายล์ทำการบินเข้าสู่ 3 จุดบินในจีน ได้แก่ เจิ้งโจว ฉงชิ่ง ฉางซา ซึ่งในขณะนี้สายการบินยังคงทำการบินปกติ เนื่องจากเที่ยวบินขาออกจากไทยมีผู้โดยสารจากจีนจองเต็มไปอีก 2-3 อาทิตย์ แต่ปัญหาคือเที่ยวบินขาเข้าเมืองไทย มีผู้โดยสารจากจีนเข้ามาราวกว่า 20 คนเท่านั้น ทำให้ในขณะนี้สายการบินกำลังดูข้อมูลอยู่ เพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นว่าจะต้องลดเที่ยวบินลงหรือไม่

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันสายการบินทำการบินเที่ยวบินประจำเข้าออกเมืองจีนรวม 14 เมืองใน 20 เส้นทาง ในขณะนี้มีการยกเลิกเที่ยวบินเข้าอู่ฮั่นยาวไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 และจะยกเลิกเที่ยวบินเช่าเหมาลำในเส้นทางบินจีน ซึ่งสายการบินทำเช่าเหมาลำอยู่ราว 1-2% เนื่องจากกรุ๊ปทัวร์หายไป โดยสายการบินคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะกระทบต่อผู้โดยสารจีนซึ่งอยู่ที่ราว 3 แสนคน

พักดอกเบี้ย-เงินต้น 6 เดือน

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เผยว่า เอกชนท่องเที่ยวได้ร่วมประชุมกับททท.เพื่อรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ข้อสรุปว่า 1. จะมีการเปิดตลาดใหม่เพื่อมาชดเชยตลาดจีนที่หายไปราว 2 ล้านคน โดยจะไปโฟกัส 1 ใน 5 ประเทศที่เดินทางไปเที่ยวจีนสูงสุด เพื่อกระตุ้นให้เดินทางมาเที่ยวไทย  2. การจัดทำโปรโมชัน รวมตั๋วเครื่องบิน, โรงแรม, รถรับส่ง เพื่อกระตุ้นตลาดต่างชาติในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน, ยุโรป 3. การจัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ในวันที่ 31 มกราคม เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว และแสดงให้เห็นว่าไทยมีการควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี และไม่ใช่สถานที่แพร่เชื้อ

ส่วนมาตรการในการเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว จะมีการขอให้ภาครัฐขอความร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างๆ ผ่อนผันให้ธุรกิจท่องเที่ยวสามารถหยุดชำระดอกเบี้ยและเงินต้น ในช่วง 6 เดือนนี้ โดยไม่เป็นเอ็นพีแอล เพื่อให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องในช่วงนี้ ทั้งยังขอให้ภาครัฐหาแหล่งเงินกู้ ดอกเบี้ยถูกให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี การขอลดค่าภาษีน้ำมันอากาศยาน

ทั้งนี้ธุรกิจโรงแรมและสายการบินจะไม่มีการยึดมัดจำบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดจีน แต่จะขอให้เลื่อนเวลากลับมาใช้บริการใหม่หลังจีนแก้ปัญหาไวรัสได้สำเร็จ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาราว 3 เดือนเหมือนตอนช่วงซาร์ส

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่าเห็นด้วยกับมาตรการของทางการจีนที่ออกมา แม้จะทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเจ็บตัว แต่ถ้าจบได้เร็ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี โดยขณะนี้กลัวเหมือนกันว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะหมดมู้ดในการเที่ยวไทยไปด้วย ภาครัฐและเอกชนจึงต้องร่วมมือกันทำตลาดกระตุ้นให้ยังมีกระแสการเดินทางมาเที่ยวไทย

การแพร่ระบาดของโรคนี้ส่งผลกระทบต่ออัตราเข้าพักของโรงแรมไทย เดิมคาดว่าเดือน กุมภาพันธ์นี้จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80% ซึ่งปัจจุบันมียอดจองห้องพักล่วงหน้าแล้ว 50% พอเจอกรณีไวรัสโคโรนา จึงคาดว่าอัตราเข้าพักในเดือนหน้าจะเหลือเพียง 30% ซึ่งต้องปรับตัวหาตลาดใหม่ทดแทน

รุกเจาะตลาดใหม่

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าททท.จะผลักดันตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้ให้ถึง 41.8 ล้านคน ตามเป้าหมายเดิมของรัฐบาลซึ่งในกรณีที่จีนควบคุมการระบาดได้ภายใน 3 เดือน ททท.ก็จะเริ่มทำการตลาดได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป

โดยตลาดต่างประเทศจะเน้นเร่งหาตลาดทดแทนในพื้นที่ที่มีศักยภาพ (Quick win) เน้นเพิ่มความถี่ และวันพัก ซึ่งจะเร่งทำใน 2 ระยะ คือ กุมภาพันธ์-เมษายน  และพฤษภาคม-กันยายน ซึ่งในอาเซียน จะเน้น มาเลเซีย ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เอเชียเหนือ จะเน้นเกาหลี ญี่ปุ่น เอเชียใต้ จะเป็นอินเดีย ยุโรป จะเน้น รัสเซีย ยูเครน ยุโรปตะวันออก สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก

การกระตุ้นตลาดในประเทศ โดยระบุพื้นที่ในการดึงคนไทยเที่ยวนอกให้มาเที่ยวไทย โดยเน้นการเดินทางระยะใกล้ไม่เกิน 300 กม.(เที่ยวในภาค) ร่วมกับออนไลน์ทราเวลเอเยนต์ กระตุ้นเที่ยวข้ามภาค และเน้นตลาดสัมมนาดูงานของกลุ่มปกครองส่วนท้องถิ่น

คลังจ่อหนุนหลังไวรัสคลี่คลาย

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมดูแลสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่าร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายภาคส่วนต้องเข้ามาดูแล ไม่ใช่กระทรวงการคลังเท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องมีการหารือกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบตามไปด้วย

เราต้องคิดไปข้างหน้า ว่า จะทำให้หลังจากนี้เมื่อสถานการณ์จบแล้ว นักท่องเที่ยวจะมาเราได้ยังไงให้เร็วที่สุด ซึ่งไม่ใช่แต่นักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้ เราต้องมองถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคโคโรน่า ว่าจะดึงมายังไงเพื่อทดแทนนักท่องเที่ยวจีน กระทรวงท่องเที่ยว บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.ต้องไปดู ดึงมาแบบเช่าเหมาลำได้หรือไม่”นายประสงค์ กล่าวทิ้งท้าย

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3544 วันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2563