วิกฤติPM2.5  ‘เครื่องฟอก’โตพุ่ง  ส่งรุ่นใหม่ชิงยอดขาย

หลังปรากฏการณ์ฝุ่นละอองค่า PM 2.5 กลับมาปกคลุมทั่วฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครอีกระลอกตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้สินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศ ที่มีสเปกที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองจิ๋ว PM 2.5 นี้ได้กลับมาบูมตลาดเมืองไทยอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าการที่ฝุ่น PM 2.5 กลับมาวิกฤติในครั้งนี้ เหล่าแม่ทัพใหญ่แบรนด์ดังของตลาดต่างเตรียมพร้อมรับมือความต้องการเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสต๊อกสินค้า จัดโปรโมชัน ปูพรมช่องทางจำหน่าย

นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองนํ้า, เครื่องทำอุ่นมาซูม่า และเครื่องฟอกอากาศ “HONEYWELL” จากประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับความต้องการของประชาชนส่วนของเครื่องฟอกอากาศ ด้วยการสต๊อกสินค้าเพื่อรองรับความต้องการ 10,000 เครื่อง หรือมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 5,000 เครื่องพร้อมทั้งมีการจัดโปรโมชันซื้อเครื่องฟอกอากาศ แถมฟรีเครื่องกรองนํ้า ไปจนถึงช่วงเดือนมีนาคม นอกจากนี้ยังมีแผนนำเข้าอีก 2 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซัน

“ช่วงที่ผ่านมาหลังจากมีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 กลับมาอีกระลอก พบว่าประชาชนจำนวนมากให้ความสนในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมากขึ้น โดยมีการเติบโตสูงถึงกว่า 25% ทำให้บริษัทต้องมีการเตรียมความพร้อมแบบรอบด้านเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น”

ขณะที่แผนการทำตลาดของเครื่องฟอกอากาศนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการจำหน่ายในทุกช่องทาง

อย่างไรก็ตามประเมินว่าสิ้นปีนี้ภาพรวมตลาดเครื่องฟอกอากาศน่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% และมีมูลค่าตลาดรวม 2,700 ล้านบาท โดยในส่วนของแบรนด์มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตตลอดทั้งปี 30% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

นายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มความต้องการเครื่องฟอกอากาศในเมืองไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในขณะที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความต้องการของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยในส่วนของแอลจีได้มีการเตรียมความพร้อมไลน์อัพเครื่องฟอกอากาศใหม่เพิ่มอีก 2 รุ่น ซึ่งที่มีขนาดเล็กลงสำหรับพื้นที่ 50 และ 58 ตร.ม. พร้อมทั้งเปิดตัวเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา (portable) ออกมารองรับความต้องการของตลาดพร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สำหรับแผนงานของแอลจีในส่วนของเครื่องฟอกอากาศนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ ควบคู่กับการตอบโจทย์ความต้องการในเมืองไทยปัจจุบันที่มีความต้องการเครื่องฟอกอากาศจำนวนมาก โดยมีการ
เตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของการสต๊อกสินค้า การขนส่งจากประเทศเกาหลี ผ่านทางเครื่องบิน ซึ่งจะสามารถร่นระยะเวลาการจัดส่งเหลือ 1 วัน จากปกติที่ขนส่งทางเรือใช้เวลา 7 วัน พร้อมทั้งมีการจัดโปรโมชัน ร้านค้าทั้ง 100 แห่ง เพื่อตอกยํ้าภาพลักษณ์และคุณภาพของแบรนด์ผ่านเทคโนโลยีจากเกาหลีมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศ โดยมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30% พร้อมทั้งขึ้นแท่นผู้เล่น Top3 ในตลาดเครื่องฟอกอากาศภายใน 2 ปีนับจากนี้

นายปาร์ค แจยอง รองประธานบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท วงจิน โคเวย์ ปราะเทศเกาหลี เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะวิกฤติจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ดังนั้นปีนี้จึงพร้อมผลักดันการทำตลาดในส่วนของเครื่องฟอกอากาศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปีนี้พร้อมเสริมทัพสินค้าใหม่นำเข้าจากเกาหลีใต้อีก 3 รุ่น คือ 1.เครื่องฟอกอากาศรุ่น AP-1018F Classic,รุ่น AP-3018B Giant และเครื่องกรองนํ้ารุ่น CHP-18AR Villaem

“จากวิกฤติด้านคุณภาพอากาศของไทย ทำให้โคเวย์ มีการเติบโตของผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศปี 2562 ที่ผ่านมาสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว หรือขายได้กว่า 1,500-2,000 เครื่อง ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว และใน 5 ปี เชื่อว่าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 40% ของยอดขายรวมทั้งหมดได้”

อย่างไรก็ตามนอกจากนี้ยังมีผู้เล่นอีกมากมายที่ขนทัพสินค้าเข้ามารองรับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นยูนิซิตี้ที่ ส่ง “เครื่องฟอกอากาศ (BIOSLIFE AIR) และหน้ากากอนามัย (UNIMASK)” ออกมาและยังได้สร้างแพลตฟอร์มการขายที่สอดคล้องกับ 
customer journey ในทุกกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีบริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด ที่เตรียมส่งเครื่องฟอกอากาศไลน์อัพใหม่รับมือกับภาวะวิกฤติฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินมาตรฐาน ภายใต้ชื่อ บลูแอร์ (Blueair) พร้อมประกาศบุกตลาดเครื่องฟอกอากาศเต็มสูบในปีนี้อีกด้วย

หน้า 31-32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,543 วันที่ 26-29 มกราคม 2563