จับตา เมกะโปรเจ็กต์ 2.4แสนล. ขยายลงทุนทางอากาศ

22 ม.ค. 2563 | 04:15 น.

 

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางอากาศภายในปีงบประมาณ2563 ของ 4 หน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวงคมนาคม มูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ 2.43 แสนล้านบาท ที่เกิดขึ้นจะมีโครงการอะไรบ้างฐานเศรษฐกิจได้จับประเด็นและเกาะติดความคืบหน้าของโครงการมานำเสนอ

 

ทย.รุกขยาย4สนามบิน

ทั้งนี้หากแยกโปรเจ็กต์เป็นรายโครงการ จะเห็นว่าภายในปีนี้ทย.จะต้องเร่งดำเนินการลงทุนขยายศักยภาพของสนามบินในความรับผิดชอบทั้งหมด 4 สนามบิน วงเงินรวม 3,375 ล้านบาท โดยการก่อสร้างทางขับขนาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินกระบี่ จะขยายการรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินจาก 10 ลำต่อชั่วโมงเป็น 25 ลำต่อชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศประกวดราคา คาดว่าจะได้ผู้รับจ้างและลงนามในสัญญาภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ในต้นปี 2566

การขยายลานจอดสนามบินสุราษฎร์ธานี และสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ สนามบินนราธิวาส เพื่อขยายการรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนจาก 300 คนต่อชั่วโมงเป็น 600 คนต่อชั่วโมงและเพิ่มการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 8.64 แสนคนต่อปีเป็น 1.7 ล้านคนต่อปี ทั้ง 2 โครงการนี้อยู่ระหว่างประกาศประกวดราคา คาดว่าจะได้ผู้รับจ้างและลงนามในสัญญาภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อให้เปิดบริการในปี 2565

ทั้งยังจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ สนามบินบุรีรัมย์ เพื่อรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนจาก 300 คนต่อชั่วโมงเป็น 600 คนต่อชั่วโมง และผู้โดยสารจาก 8.5 แสนคนต่อปีเป็น 1.7 ล้านคนต่อปี ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงรูปแบบ คาดว่าจะออกแบบแล้วเสร็จในเดือนมีนาคมปีนี้ เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป คาดว่าจะได้ผู้รับจ้างภายในเดือนมิถุนายนนี้ และจะเปิดให้บริการในปี 2565

 

จับตา เมกะโปรเจ็กต์ 2.4แสนล.  ขยายลงทุนทางอากาศ


 

 

ทอท.ลุ้นขยายนอร์ธเทอร์มินัล

สำหรับการลงทุนของทอท.โดยรวมจะอยู่ที่ 7.89 หมื่นล้านบาท ซึ่งทอท.พร้อมลงทุนอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ติดปัญหาที่ต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ได้แก่ การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (สผ.) จะเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้ความเห็นชอบรายงานได้ภายในเดือนมิถุนายน 2563

รวมไปถึงโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ที่ทอท.มีแผนจะสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศเหนือ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) จากนั้นทางกระทรวงคมนาคมก็จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ต่อการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว หลังจากที่ผ่านมาทอท.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการนี้ และทางสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ก็สนับสนุนให้ลงทุนส่วนต่อขยายทางทิศเหนือ เพราะเห็นว่าเหมาะสมกว่าการขยายด้านทิศตะวันออกและตะวันตกในพื้นที่ของอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน

เช่นเดียวกับแผนการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่ระยะที่ 1 ช่วงปี 2563-2565 ที่จะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเดิม เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ขยายการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 18 ล้านคนต่อปี ซึ่งโครงการนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสนข.เช่นกัน

 

 

จับตาแผนจัดหาฝูงบินTG

ในด้านการลงทุนของการบินไทยนั้น ในปีนี้จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของโครงการจัดหาเครื่องบิน (ปี 2562-2569) ภายใต้กรอบวงเงิน 1.56 แสนล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารบริษัทการบินไทยฯ มีมติให้ฝ่ายบริหารไปทบทวนสมมติฐานในโครงการจัดหาเครื่องบินอีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถาน การณ์ของอุตสาหกรรมการบิน

รวมทั้งทบทวนการจัดหาแหล่งเงินทุนให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ของการบินไทย และให้นำเสนอบอร์ดการบินพิจารณาอีกครั้งภายในไม่เกินเดือนมีนาคมปีนี้ ต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วแผนจะไปในทิศทางไหน ท่ามกลางการดำเนินธุรกิจของการบินไทยที่ขาดทุนบักโกรก

นอกจากนี้การบินไทย ยังต้องร่วมลงทุนกับแอร์บัส ในโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา มูลค่า 4,400 ล้านบาท ซึ่งการบินไทยถือหุ้น 50% ก็จะใช้เม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นได้ภายในเดือนสิงหาคมปีนี้ และเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนเมษายน 2566

อีกทั้งเพื่อให้รองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้น ทางสบพ.ก็จะดำเนินโครงการศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศอู่ตะเภา วงเงินลงทุน 2,715 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จากนั้นทางกระทรวงคมนาคมจะสรุปประมวลความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอครม.ต่อไป

การลงทุนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็เอื้อต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย

 

รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร 

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,541 วันที่ 19-22 มกราคม 2563