ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ NOK ในวันนี้ (14 มกราคม 2563) ที่ประชุมอนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนจาก 3,408.05 ล้านบาท เป็น 3,309.02 ล้านบาท จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4,197.17 ล้านบาท
โดยออกหุ้นสามัญ 888,147,358 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จัดสรรทั้งจำนวนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 3.5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท มูลค่ารวมไม่เกิน 2,220.37 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาเสนอขายวันที่ 3-7 ก.พ.63
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ 2.2 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้น NOK กลับมาเป็นบวก จากที่ติดลบ 659 ล้านบาท (ณ สิ้นเดือน ก.ย.62) และคาดว่าจะสามารถปลดเครื่องหมาย C ได้
ส่วนผู้ถือหุ้นอย่างการบินไทย ที่ปัจจุบันถือหุ้นในนกแอร์อยู่ 15.94% รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นที่เป็นกลุ่มจุฬางกูร จะตัดสินใส่เงินเพิ่มทุนหรือไม่ ยังไม่ทราบ และไม่สามารถตอบแทนได้เช่นกัน ซึ่งผู้บริหารนกแอร์ ก็ได้นำเสนอแผนเพิ่มทุนไปยังการบินไทยแล้ว
ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังคงเดินหน้าตามแผน Turnaround (พลิกฟื้นธุรกิจ) โดยตั้งเป้าเป็นสายการบินที่ตรงเวลา ซึ่งได้เริ่มทำในช่วงครึ่งหลังปี2562 ,ควบคุมต้นทุน หรือบริหารต้นทุนให้ดีขึ้นโดยใช้ซอฟท์แวร์เข้ามาบริหาร
ส่วนน้ำมันได้ซื้อผ่าน THAI ทำให้ได้ราคาที่ดี โดยต้นทุนน้ำมันมีสัดส่วน 30% ของต้นทุนรวม นอกจากนี้มีแผนปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ โดยเฉพาะการลดต้นทุนการเช่าเครื่องบินและการซ่อมบำรุงเครื่องบิน
อีกทั้งบริษัทคาดว่าจะจัดทำแผนธุรกิจและแผนฝูงบินเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทในช่วงกลางเดือน ก.พ.63 โดยเบื้องต้นคาดว่าปีนี้จะรับมอบเครื่องบินใหม่ เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 จำนวนไม่เกิน 3 ลำ รองรับจุดบินใหม่ในต่างประเทศแถบอาเซียน ซึ่งจะเปิดใหม่ 2 จุดบินในกลางปี 63 พร้อมทั้งเพิ่มความถี่จุดบินเดิม จากปัจจุบันที่มีอยู่ 24 ลำ แบ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 จำนวน 16 ลำ Q400 จำนวน 8 ลำ