ทีวีดิจิทัล ผนึกสตรีมมิ่ง ปั๊มรายได้ผ่านออนไลน์

18 ม.ค. 2563 | 07:15 น.

“ทีวีดิจิทัล” จับมือพันธมิตรสตรีมมิ่ง ปักหมุดสนาม “ออนไลน์” ต่อยอดคอนเทนต์สู่กลยุทธ์ O2O “ช่อง 3” ประเดิมเจาะตลาดจีนหลังพบตลาดละครไทยโตเกินคาด ส่วน “ช่อง 7” เลือกใช้ Youtube โปรโมตคอนเทนต์ดูดคนดูกลับมาแพลตฟอร์มช่องทีวี      

 

เปิดศักราชปี 2563 ทีวีดิจิทัลหลายแห่งต่างมุ่งอัดคอนเทนต์พร้อมเล็งหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ รวมถึงการหาพาร์ตเนอร์ต่างๆ เพื่อมาเป็นพันธมิตร ซึ่งที่ผ่านมาทีวีดิจิทัลช่องต่างๆ เริ่มคำนึงได้ว่าหากจะพึ่งพาแค่เพียงแพลตฟอร์มใดเพียงอย่างเดียว หรือช่องทางเดียวไม่สามารถอยู่ได้ แต่ต้องอาศัยความหลากหลายในทุกๆ ช่องทางที่มีอยู่โดยเฉพาะสตรีมมิ่งที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยให้เป็นประโยชน์

เริ่มต้นที่ช่อง 3 ล่าสุดบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ได้จับมือร่วม WeTV ในเครือ เทนเซ็น (ประเทศไทย) และ Tencent Video ประเทศจีน โดยนำคอนเทนต์ละครช่อง 3 ที่ได้รับความนิยมไปออกอากาศบน WeTV ที่สามารถรับชมได้ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศ

 

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ เปิดเผยว่า การขยายฐานผู้ชมไปในหลายแพลตฟอร์มนั้นก็เป็นการทำงานตามสิ่งที่ผู้ชมของเราต้องการแม้ว่าผู้ชมหลักของเราที่มีจำนวนมากจะสามารถรับชมละครช่อง 3 ทางออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชัน CH3+ (ซี-เอช-สาม-พลัส) ได้อยู่แล้ว แต่ความร่วมมือกับ WeTV ครั้งนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มฐานผู้ชมของช่อง 3 ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ WeTV เองก็กำลังเติบโตและขยายฐานผู้ชมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ดังนั้น WeTV เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของช่อง 3 ในการเพิ่มจำนวนผู้ชม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

นอกจากการนำคอนเทนต์ไปออกอากาศบนแพลตฟอร์ม WeTV ที่สามารถรับชมได้ในประเทศไทยแล้ว ในการตกลงความร่วมมือครั้งนี้ยังมีการตกลงเกี่ยวกับการคัดเลือกละครไทยไปออกอากาศแบบเอ็กซ์คลูซีฟบน Tencent Video ผู้นำแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ที่มีฐานผู้ชมกว่า 550 ล้านคนต่อเดือน

 

ทีวีดิจิทัล  ผนึกสตรีมมิ่ง  ปั๊มรายได้ผ่านออนไลน์

 

ความร่วมมือครั้งนี้ เบื้องต้นจะร่วมมือกับ Tencent Video คัดสรรละครดังของช่อง 3 จำนวน 3 เรื่อง เพื่อไปออกอากาศพร้อมกับประเทศจีน และออกอากาศในอีก 4 ประเทศในเอเชีย ซึ่งช่อง 3 มั่นใจว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ชมชาวจีนและในประเทศอื่นๆ หลังจากพบว่าความชื่นชอบละครไทยในประเทศจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ช่อง 7HD ในปีที่ผ่านมาเริ่มเห็นการตลาดบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทาง Youtube ที่ช่อง 7 เริ่มบุกหนัก แต่การใช้สื่อออนไลน์ของช่อง 7 อาจจะแตกต่างจากช่องอื่นอยู่บ้าง คือ การเลือกใช้ Youtube มาโปรโมตไฮไลต์ละคร หรือรายการเพื่อกระตุ้นคนดูจากช่องทาง Youtube ไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ของช่อง 7 เอง ไม่ว่าจะเป็น Bagaboo TV หรือช่องทีวี 7HD        

ด้านฝั่งช่อง 8 ทุ่มสุดตัวเปิดเกมรุก สู้ศึกทีวีดิจิทัล ปรับผังรายการใหม่ปี 2563 โดยการทรานส์ฟอร์ม โดยมีการปรับทิศทางการบริหารกลุ่มธุรกิจสื่อแบบบูรณาการ นำคอนเซ็ปต์CH 8 Connext to The New Era” เชื่อมโยงคอนเทนต์โดยกำหนดแผนการตลาดผ่านกลยุทธ์ C4 เป็นจุดขาย ซึ่งในแต่ละคอนเทนต์ เพื่อสร้างการจดจำให้กับคนดูหน้าจอ เช่น เดอะซีรีส์ รัก ลวง หลอน และสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้แต่ละคอนเทนต์ด้วยกิจกรรม On-ground, COMMUNICATION สร้างสรรค์รูปแบบการสื่อสารใหม่ๆ และเชื่อมต่อ On-Air กับ Online เข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองการรับชมได้ทุก Lifestyle ในทุกๆ คอนเทนต์และทุกเวลา เชื่อมต่อระหว่างผู้ชมผ่านจอ TV กับผู้ชมผ่าน Online เข้าด้วยกัน

โดยนางสาวนงลักษณ์ งามโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.เอส.เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า สำหรับปี 2563 บริษัทได้แบ่งสัดส่วนผังรายการเป็นละคร 40% ข่าว 40% วาไรตี 10% และกีฬา 10% โดยรวบรวมขุมพลังแห่งความบันเทิง ที่จะทำให้ใครๆ ก็ดูช่อง 8 กดเลข 27 ด้วยการเพิ่มเส้นละครฟอร์มยักษ์ และซีรีส์ไทย ปัจจุบันคอนเทนต์บนหน้าจอช่อง 8 ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 เข้าถึงคนดู 55 ล้านคน หรือ 86% ของคนดูทั้งประเทศ ในขณะที่ช่องทางออนไลน์ มีฐานคนดูเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการลงทุนคอนเทนต์ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มทุนจาก 1,000 ล้านบาทในช่วง 2-3 ปีก่อนเป็น 1,200 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มงบดังกล่าวบริษัทจะนำมาผลิตคอนเทนต์เพื่อเติมในแพลตฟอร์มทีวี และออนไลน์ โดยแผนธุรกิจของบริษัทเพื่อจะนำไปสู่การยึดทุกหน้าจอ มี 3 แนวทางหลัก คือ 1.จับมือพาร์ตเนอร์ 3 Broadband ซึ่งมีฐานลูกค้าทั่วประเทศ 3 ล้านราย ร่วมสร้างแพลตฟอร์ม IPTV โดยแพลตฟอร์มนี้หวังให้ศูนย์รวมของคอนเทนต์ภาพยนตร์ ซีรีส์ฮอลลีวู้ดและเอเชีย

 

2.ซื้อคอนเทนต์ฮอลลีวู้ดและเอเชียเข้ามาเพิ่ม 3.ระดมทุนร่วมผลิตคอนเทนต์ระหว่างประเทศเพื่อผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ ออริจินัลของโมโนเอง โดยการผลิตคอนเทนต์ในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 30 เรื่องต่อปี 4.การจับมือร่วมสำนักพิมพ์แจ่มใส ซึ่งโด่งดังในเรื่องของนวนิยายวัยรุ่น และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพื่อผลิตคอนเทนต์ตอบโจทย์ผู้ชมที่รับชมซีรีส์ผ่านแอพพลิเคชัน Monomax

อีกทั้งในช่วงปลายปีที่ผ่านมายังได้ร่วมกับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผลิตคอนเทนต์โดยมีเป้าหมาย Original Content จะเป็นการผลิตซีรีส์ร่วมกัน 6-8 เรื่องต่อปี เป็นซีรีส์แนว Action, Drama, Horror และ Romantic comedy โดยใช้นักแสดงหลักจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับ นักแสดงจากโมโน โดยคอนเทนต์ดังกล่าวจะนำมาอยู่ในแพลตฟอร์ม 3BB TV รองรับกลุ่มลูกค้าอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง พร้อมตั้งเป้าผู้ใช้งานบริการนี้ 1.5 ล้านรายใน 1 ปี (3BB TV จะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2 ปี 2563) 

 

หน้า 31-32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,540 วันที่ 16-18 มกราคม 2563