คนไทยเฮโลเที่ยวญี่ปุ่น ติดอันดับ6ของโลก

          ญี่ปุ่นมองเป้าหมายการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างไร ประกอบกับในปีหน้าโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก จะส่งผลอย่างไรต่อทิศทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น อ่านได้จากสัมภาษณ์ นายเอโกะ โอะนุมะ ผู้อำนวยการบริหารองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) สำนักงานกรุงเทพฯ

เอโกะ โอะนุมะ

คาดไทยเที่ยวญี่ปุ่น1.5ล.คน

          รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวอยู่ 2 เป้าหมาย ได้แก่ 1. การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าญี่ปุ่น โดยมองว่าภายในปี 2563 ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 40 ล้านคน เพิ่มจาก 31 ล้านคน ในปี 2561 และในปี 2573 ตั้งเป้าไว้ที่ 60 ล้านคน และ 2. การสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เฉลี่ยเติบโต 13.3% ต่อปี ซึ่งเราต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ราว 2 แสนเยน จึงตั้งเป้าว่าในปี 2563 จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 8 ล้านล้านเยน และในปี 2573 จะเพิ่มเป็น 15 ล้านล้านเยน

          กลยุทธ์ในการผลักดันเป้าหมายดังกล่าว ทางสำนักงานของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ทั้ง 21 แห่งในต่างประเทศ เน้นการทำโปรโมชันและโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงรุก การสนับสนุนบริษัทนำเที่ยว รวมถึงการใช้มาตรการวีซ่า โดยยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวไทย ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าเที่ยวญี่ปุ่น (กรณีพำนักในญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน) ตั้งแต่กลางปี 2556 ในปีนั้นมีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น 4.5 แสนคน จากนั้นก็ขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.13 ล้านคน จัดว่าเติบโตถึง 2.5 เท่า

        ส่วนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 มีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นจำนวน 1.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.5% และคาดว่าตลอดทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.5 ล้านคน

ไทยอันดับ6เที่ยวญี่ปุ่น

     ทั้งยังมีปัจจัยจากการเปิดบินของสายการบินต้นทุนตํ่าเพิ่มขึ้น โดยทำการบินอยู่เกือบจะทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นแล้ว ทำให้การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ในราคาที่เอื้อมถึง รวมถึงที่ผ่านมาญี่ปุ่นก็มีการเตรียมความพร้อมไว้รองรับนักท่องเที่ยวไทย อาทิ ป้ายภาษาไทยและการอำนวยความสะดวกต่างๆ การโปรโมตต่างๆ ที่เป็นภาษาไทย

      ไม่เพียงแต่จำนวนที่เดินทางเที่ยวมากขึ้น แต่ยังพบว่าแนวโน้มคนไทยเดินทางมาเที่ยวซํ้า (รีพีตเตอร์) เพิ่มจาก 60% เป็น 67% และจะเห็นว่าเป็นการเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยซื้อตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และตั๋วรถไฟเอง เพื่อเดินทางเที่ยวเอง และเลือกซื้อรายการนำเที่ยวจากบริษัททัวร์ในลักษณะเอฟไอทีแพ็กเกจ ไม่ได้ซื้อเป็นแพ็กเกจ ทัวร์รวมทุกอย่างเหมือนในอดีต

       สำหรับการใช้จ่ายของคนไทยในญี่ปุ่นนั้น ในปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านเยน ในจำนวนนี้เป็นการใช้ของคนไทยอยู่ที่ 1.4 แสนล้านเยน หรือมีการใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ 1.24 แสนเยน (เฉลี่ย 5 วัน) โดยไทยมาเที่ยวญี่ปุ่นสูงเป็นอันดับ 6 ส่วนชาติที่เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด อันดับ 1 คือ จีน มีการใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ 2.2 แสนเยน ตามมาด้วยเกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง, สหรัฐอเมริกา

ยอดร้าน Tax Free โต10เท่า

      จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น ยังส่งผลให้เกิดการให้บริการ Tax Free ของจำนวนร้านค้าต่างๆ เพิ่มขึ้น จากในปี 2556 มีจำนวนร้านให้บริการ Tax Free อยู่ที่ 4,622 ร้าน เพิ่มมาเป็น 47,441 ร้านในปีที่ผ่านมา เติบโตมากถึง 10 เท่า ซึ่งก็เป็นการอำนวยความสะดวกในการช็อปปิ้ง ให้สนุกขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่าย 5 พันเยน สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ จากเดิมอยู่ที่ 8% และเพิ่งปรับมาเป็น 10% เมื่อเดือนตุลาคม 2562

       ปัจจุบันคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นมีการใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ราว 1.2 แสนเยน ยังต้องกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มอีก 8 หมื่นเยน เพื่อให้ได้เป้าหมายใหญ่ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายต่อคนให้อยู่ที่ 2 แสนเยนต่อทริป ซึ่งนอกจากกระตุ้นในเรื่องของช็อปปิ้งแล้ว เราก็จะโปรโมตกิจกรรมต่างๆ ให้คนไทยไปเที่ยวเพิ่มขึ้น เช่น การไปลองปีนภูเขาไฟฟูจิ หรือไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติต่างๆ ก็จะช่วยเพิ่มวันค้างคืนได้อีก 1 คืน เป็นต้น    

        การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นของคนไทย หากเดินทางเป็นครั้งแรก ก็จะเลือกไปเที่ยวเมืองใหญ่ อย่างโตเกียว โอซากา แต่หากมีการเดินทางเที่ยวซํ้า โดยเฉพาะกลุ่มรีพีตเตอร์ ก็จะไปเที่ยวเมืองท่องเที่ยวใหม่ๆ อย่างฮอกไกโด หรือเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคคันไซ

รุกโปรโมตภูมิภาคโทโฮคุ

       ในปีนี้เรายังได้สำรวจเชิงลึกผ่านบริษัทนำเที่ยว 29 แห่ง ถึงการขายทัวร์มาญี่ปุ่น โดยพบว่า ภูมิภาคที่คนไทยชอบมาเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ที่ฮอกไกโด สูงถึง 76% ตามมาด้วยโทโฮคุ และคันไซ

      รวมถึงบริษัทเอกชนในญี่ปุ่น ยังได้ทำเซอร์เวย์ ถามถึงสาเหตุที่คนไทยสนใจมาเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งคนไทยตอบว่า เป็นเพราะมีสายการบินต้นทุนตํ่าเปิดเส้นทางเข้าญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าการเปิดให้บริการของสายการบินต้นทุนตํ่ามีผล อย่างมากจากความสนใจของคนไทยในการเลือกเที่ยวญี่ปุ่น

        ปัจจุบันมีเส้นทางบินระหว่างไทย-ญี่ปุ่น รวมกว่า 250 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในจำนวนนี้เป็นการให้บริการของสายการบินต้นทุนตํ่ากว่า 103 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทั้งยังพบว่ามีการเปิดเส้นทางบินใหม่ในญี่ปุ่น ช่วงปลายปีนี้ เช่น นกแอร์ เปิดบินฮิโรชิมา การบินไทยเปิดบินเซนได

      ขณะเดียวกันยังพบว่าคนไทยชอบเรื่องของธรรมชาติของญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นเรื่องของอาหารญี่ปุ่น, วัฒนธรรม, ออนเซน, ความปลอดภัยและช็อปปิ้ง ผลการสำรวจต่างๆ จะทำให้เรานำมาใช้ในการกระตุ้น การท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความสนใจของนักท่องเที่ยว

       สำหรับแผนการทำตลาดของสำนักงานในไทย จะเน้นโปรโมตการท่องเที่ยว 6 จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยมีจุดขายที่แตกต่างกัน เพื่อโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ

โฟกัสโปรโมตเมืองรอง

         ในปีหน้าโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งจะมีคนเดินทางไปโตเกียวเป็นจำนวนมาก และที่พักจะมีราคาสูงมาก ดังนั้นการโปรโมตของเรา จึงจะเน้นให้คนไทยเดินทางไปเที่ยวเมืองรองต่างๆ ในญี่ปุ่น อย่างภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งมีเที่ยวบินตรง หรือคนไทยสามารถลงเครื่องที่โตเกียวและนั่งรถไฟชินคันเซน มาเที่ยวจังหวัดที่ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของภูมิภาคนี้ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่ารวม ปถึงเมืองรองอื่นๆ อย่างโอกินาวา, ฮอกไกโด หรือการเดินทางมาเที่ยวโตเกียวในช่วงก่อนหรือหลังกีฬาโอลิมปิกมากกว่า

        เนื่องจากเราดูตัวอย่างตอนที่ลอนดอน เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิก ในปี 2555 โรงแรมมีราคาแพงมาก คนเข้าไปมาก ทำให้คนที่ต้องการไปเที่ยวอาจจะอารมณ์เสีย การเดินทางไปเที่ยวเมืองรองก็จะมีความสุขในการท่องเที่ยวมากกว่า

สัมภาษณ์ โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,532 วันที่ 19-21 ธันวาคม 2562