ลุ้นเคาะเกณฑ์ ตลาดซื้อขายหุ้น"สตาร์ตอัพ"

14 ธ.ค. 2562 | 09:32 น.

ก.ล.ต. เผยการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพใช้ประโยชน์จากตลาดทุนคืบ  ลั่นการเปิดตลาดรองซื้อขายหุ้นของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพคาดว่าจะได้ข้อสรุป 19 ธันวาคม 2562 นี้ พร้อมลดอุปสรรคในกระบวนการระดมทุน อาทิ การจัดส่งงบการเงิน และคุณสมบัติ CFO และผู้สอบบัญชี 

 

 

ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทย ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ มีทางเลือกในการระดมทุนผ่านตลาดทุน  โดยการออกหุ้นหรือตราสารหนี้ได้ตามความเหมาะสมของภาคธุรกิจ โดย ก.ล.ต. ได้เปิดให้สามารถระดมทุนผ่านคราวด์ฟันดิง (crowdfunding) ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากพัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อทำให้กระบวนการระดมทุนสำหรับเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพเป็นไปด้วยความง่าย สะดวก และรวดเร็ว นอกจากนี้ ตั้งแต่มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา  ก.ล.ต. ได้ศึกษาแนวทางเพิ่มเติม ในการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพสามารถเข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุน โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันประเมินปัญหาและอุปสรรคของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพอย่างเป็นระบบ และในเดือนกันยายน 2562 ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจเริ่มต้น กิจการเงินร่วมลงทุน นิติบุคคลร่วมลงทุนสู่ตลาดทุนไทย หรือ คณะทำงาน SMEs Startup PE VC ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดมาตรการสนับสนุนการระดมทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ ในตลาดทุนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยคำนึงถึงความสมดุลของกฎเกณฑ์ ทั้งในฝั่งผู้ระดมทุนและผู้ลงทุน ที่มีความสนใจลงทุนในกิจการในระดับดังกล่าว โดยในช่วงที่ผ่านมา สามารถสรุปการดำเนินการของ ก.ล.ต. ได้ดังนี้ 
  

 

1. ในการระดมทุนในตลาดแรก: ในเดือนสิงหาคม 2562  ก.ล.ต. ได้เสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณาเปิดช่องทางให้บริษัทจำกัดสามารถระดมทุนในตลาดแรกผ่านการเสนอขายหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพต่อผู้ลงทุนและพนักงานโดยตรงได้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ ไม่เกิน 10 ราย 20 ล้านบาท เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพสามารถระดมทุนได้สะดวกมากขึ้น และจูงใจพนักงานที่มีศักยภาพให้เข้ามาร่วมงานกับเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2562 ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถออกหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ภายในต้นปี 2563

 2. ในการซื้อขายผ่านตลาดรอง: ก.ล.ต. ได้มีการหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางในการวางหลักเกณฑ์การซื้อขายหุ้นของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพในตลาดรองมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเปิดให้ผู้ลงทุนในตลาดรองสามารถลงทุน และซื้อขายเปลี่ยนมือหุ้นของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพได้ โดยต้องเป็นผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ โดย ก.ล.ต. จะหารือคณะทำงาน SMEs Startup PE VC ในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคม 2562 นี้ เกี่ยวกับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ เพื่อนำมาใช้กำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
 

 

 

 

 

 

 

 

 

     

           

3. การปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้มีความเหมาะสม: เพื่อมิให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพมีต้นทุนในการระดมทุนที่สูงจนเกินไป ก.ล.ต. มีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีโดยจัดทำรายงานทางการเงินโดยใช้แอปพลิเคชัน รวมทั้งจะพิจารณาความเหมาะสมในการเปิดให้จัดส่งงบการเงินเฉพาะงบครึ่งปีและงบปี (จะยกเว้นการจัดส่งงบไตรมาส 1 และไตรมาส 3) และไม่กำหนดคุณสมบัติ CFO และไม่บังคับให้ใช้ผู้สอบบัญชีที่อยู่ในรายชื่อที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ได้ หากปฏิบัติงานในสำนักงานสอบบัญชีที่ ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ  

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “ในเดือนมิถุนายน 2562 เป็นครั้งแรกที่ ก.ล.ต. ได้ริเริ่มแนวคิดที่จะพิจารณาทบทวนเกณฑ์การออก  และเสนอขายหลักทรัพย์ของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพในตลาดแรกและตลาดรอง เพื่อเพิ่มช่องทางให้ธุรกิจที่มีศักยภาพ มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุนได้ และต่อมาในเดือนกันยายน ก็ได้ริเริ่มจัดตั้งคณะทำงาน SMEs Startup PE VC ซึ่งมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ระบุปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน โดยคาดว่าวันที่ 19 ธันวาคม 2562 นี้จะได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดตั้งตลาดรอง ในการซื้อขายหลักทรัพย์ของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ รวมทั้งการกำหนดคุณสมบัติของผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้”