นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทมีนโยบายที่จะรุกตลาดและจัดกิจกรรมอย่างเข้มข้น ด้วยกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด Carabao Clock เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยมุ่งสื่อสารว่าคาราบาว กรีน แอปเปิ้ล เป็นเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ตลอดวัน ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม และสามารถดื่มได้ทุกเพศ ทุกวัย
ขณะเดียวกันจะเน้นการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอ็นเซอร์ ตลอดจนการทำกิจกรรมต่างๆ ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ อาทิ เกม, ดนตรี เป็นต้น โดยที่ผ่านมาบริษัทได้จับมือกับ เทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเกมระดับโลกที่ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้เกม PUBG MOBILE (PlayerUnknown’s Battlegrounds Mobile) หนึ่งในเกมอี-สปอร์ต (E-Sport Game) บนมือถือที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก จัดกิจกรรมร่วมกันในเกม PUBG MOBILE บนผลิตภัณฑ์คาราบาว กรีน แอปเปิ้ล จึงเป็นการตอกย้ำจุดยืนความเชื่อและแนวคิดแบบยังสเตอร์ส (Yongsters) ของคาราบาว ที่ต้องการสร้างประสบการณ์การดื่มที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่และพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายคาราบาว กรีน แอปเปิ้ล 12 ล้านกระป๋องต่อเดือนภายในปี 2563
ทั้งนี้คาราบาวตัดสินใจวางจำหน่าย “คาราบาว กรีน แอปเปิ้ล” (Carabao Green Apple) เมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา โดยมุ่งนำเสนอให้เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์แอกทีฟ เปิดรับสิ่งใหม่ ๆอย่างสร้างสรรค์ ด้วยรสชาติที่ดี มีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดื่มง่าย เทียบเท่ากับ soft drink นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจจิ้ง ที่สวยงามดึงดูดคนรุ่นใหม่ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องดื่มประเภทบำรุงกำลังในท้องตลาด โดยปัจจุบันคาราบาว กรีน แอปเปิ้ล มีวางจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศทั้งร้านสะดวกซื้อ อาทิ ซีเจ เอ็กซ์เพรส, เซเว่นอีเลฟเว่น, แฟมิลี่ มาร์ท ฯลฯ และร้านค้าทั่วไป
นายเสถียร กล่าวอีกว่า วิชันของคาราบาว กรุ๊ป คือการมุ่งนำแบรนด์คาราบาวก้าวขึ้นสู่การเป็นเครื่องดื่มระดับโลก แบรนด์ระดับโลก (World Class Product, World Class Brand) และเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว บริษัทจึงมุ่งพัฒนาและยกระดับมาตรฐานสินค้าให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ทั้งกระบวนการผลิต การพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
ทั้งนี้ที่ผ่านมาแบรนด์คาราบาว ถือว่าประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับทั้งตลาดในประเทศ และยังขยายการผลิตและส่งออกไปยังกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ดี การรุกปรับภาพลักษณ์ใหม่ ตลอดจนการทำกิจกรรมทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้คาราบาว สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการของคาราบาว กรุ๊ปใน 9 เดือนแรกของปี 2562 พบว่ามีรายได้รวมทั้งสิ้น 10,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 394 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 3.7% มาจากการขายเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศ 54% และในประเทศ 46% โดยตลาดในประเทศ คาราบาว ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ท่ามกลางสภาวะอิ่มตัวของตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ขณะที่สินค้าในกลุ่มรับจ้างจัดจำหน่ายมียอดเติบโตเพิ่มขึ้น 28% เป็นผลมาจากความสามารถในการกระจายสินค้าได้ครอบคลุม 91% ของประเทศ
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3525 ระหว่างวันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน 2562