เอ็น แอนด์ เอ็นฯยึด7-11 ชูเป้ารายได้กล้วยหอมทอง 200ล้าน
หจก.เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์ เผยส่งกล้วยหอมทองจำหน่ายเซเว่นฯแล้ว 1.2 หมื่นผลต่อวัน ระบุพร้อมเพิ่มเครือข่ายเกษตรกรรองรับออร์เดอร์ที่เพิ่มขึ้น ชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพทุกขั้นตอน คาดรายได้ปีนี้แตะ 200 ล้านบาท
นายอาคม คงกะเรียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์ ผู้ประกอบธุรกิจส่งกล้วยหอมทองให้กับเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11 eleven) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการส่งกล้วยหอมทองเข้าจำหน่ายในเซเว่นฯประมาณ 110,000-120,000 ผลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีการส่งกล้วยหอมเข้าไปจำหน่ายประมาณ 80,000 ผลต่อวัน เนื่องจากการขยายเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำหน่ายอยู่ประมาณ 3,000 สาขาของจำนวนสาขาทั้งหมด
อย่างไรก็ดี หากมีการเจรจากับฝ่ายจัดซื้อของเซเว่นฯได้เรื่องการเพิ่มจำนวนของกล้วยหอมทอง หจก. เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์ ก็พร้อมที่จะขยายเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองเพื่อมารองรับยอดออร์เดอร์ แต่สิ่งที่สำคัญ จะต้องได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนจากเซเว่นฯ เนื่องจากจะต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมพื้นที่ในการปลูก โดยกล้วยหอมจะต้องใช้เวลาในการปลูกประมาณ 1 ปีถึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ทั้งนี้ ล่าสุดมีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองที่อยู่ในเครือข่ายประมาณ 500 ราย โดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่เกษตรการรายย่อย เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรดังกล่าวได้มีโอกาสนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพออกมาจำหน่าย ขณะที่การรับซื้อหจก. เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์ จะมีการประกันราคาให้ ซึ่งหากราคาในตลาดลดลงจากจำนวนกล้วยหอมที่มากเกินความจำเป็นก็จะรับซื้อในราคารับประกัน แต่หากเป็นช่วงที่ราคาตลาดสูงกว่าราคาประกันก็จะรับซื้อในราคาเท่ากับตลาด เพื่อให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ เสมือนเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน
สำหรับจุดเด่นของกล้วยหอมทองจาก หจก. เอ็น แอนด์ เอ็น ฟรุทส์ นั้น มาจากการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูก จนถึงวิธีการบ่มในห้องควบคุมอุณหภูมิ โดยเมื่อกล้วยสุกจะมีกลิ่นหอม มีรสชาติที่หวาน เนื้อเหนียวนุ่ม และไม่เละ
นายอาคม กล่าวต่ออีกว่า จากการเพิ่มจำนวนของกล้วยที่ส่งจำหน่ายให้กับเซเว่นฯในปีนี้น่าจะทำให้มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท เติบโต
ขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาท และจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นไปได้อีกตามจำนวนสาขา และออร์เดอร์จากเซเว่นฯที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
“กลยุทธ์การขยายตลาดในระยะต่อไป ก็จะยังมุ่งเน้นการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเซเว่นฯ เหมือนเดิม เนื่องจากมองแล้วว่าเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการจำหน่าย สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกพื้นที่ รวมถึงผู้บริโภคเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการใช้จ่าย และยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกจากการเพิ่มจำนวนสาขา”
หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3522 วันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2562
