เจาะกลยุทธ์ ‘วัชมนฟู้ด’ กู้กำลังซื้อ

16 พ.ย. 2562 | 07:05 น.

กำลังซื้อผู้บริโภคทรุด ฉุดตลาดนำเข้าผักและผลไม้พรีเมียมอ่วม เผย 10 เดือนตัวเลขติดลบ ลุ้น 2 เดือนสุดท้ายดันตลาดทรงตัว “วัชมนฟู้ด” เร่งปรับแผนแตกไลน์ผลไม้อบแห้ง ดักนักท่องเที่ยวจีน พร้อมลดไซซ์ ลดราคากระเช้าผลไม้จับลูกค้าองค์กรใหญ่

 

นางสาววิภาวี วัชรากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลไม้เกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สหรัฐ อเมริกา ชิลี ฯลฯ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมของตลาดผักและผลไม้นำเข้าตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังชะลอตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยมาจากกำลังซื้อที่ลดลง และภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายซึ่งเป็นไฮซีซันและผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวรับสถานการณ์ต่างๆ ทำโปรโมชันเพื่อดึงยอดขาย ฯลฯ จะช่วยให้มีการเติบโตมากขึ้นและส่งผลให้ตลาดเป็นบวก

เจาะกลยุทธ์ ‘วัชมนฟู้ด’ กู้กำลังซื้อ

“ภาพรวมของกลุ่มค้าส่งตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ตลาดยังมีการเติบโต ขณะที่เดือนอื่นๆทรงตัว จนถึงเดือนตุลาคมพบว่า ยอดขายติดลบกว่า 30% เฉลี่ยตลอดทั้งปียังคงมีการเติบโต 3% แต่หาก 2 เดือนสุดท้ายยังติดลบ จะทำให้ภาพรวมตลาดทั้งปีอาจติดลบ 10% แต่หากเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม มีการเติบโตจะทำให้ตลาด รวมอาจทรงตัวหรือติดลบ 1-5%”

เจาะกลยุทธ์ ‘วัชมนฟู้ด’ กู้กำลังซื้อ

 อย่างไรก็ดีจะเห็นว่า เมื่อมีสัญญาณตลาดลดลงต่อเนื่องทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับแผนรับมือเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่วัชมนฟู้ดเอง เตรียมวางแผนรองรับไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มผลไม้อบแห้ง แบรนด์ “Moose Choose” เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่นิยมเลือกซื้อเป็นของฝาก ซึ่งจะมีวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ 13 จุด ได้แก่ พารากอนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์, เอ็มโพเรียม, บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ขณะที่ตลาดกระเช้าผลไม้ที่มียอดสั่งซื้อสูงในช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่า จากพฤติกรรมลูกค้ามียอดสั่งซื้อในขนาดที่เล็กลง และจำนวนน้อยลง ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงปรับลดขนาดและราคาลงเพื่อให้สอดรับกับกำลังซื้อ

 

“ปกติกระเช้าผลไม้ที่ลูกค้านิยมสั่งซื้อจะมีราคาเฉลี่ย 1,200-1,500 บาทต่อกระเช้า แต่ปัจจุบันพบว่ามีขนาดเล็กลง จึงผลิตกระเช้าผลไม้ออกจำหน่ายในราคา 500 - 1,000 บาทต่อคน นอกจากนี้ยังเพิ่มทางเลือกเป็นกระเช้าผลไม้อบแห้ง จากเดิมที่เป็นผลไม้สด เพื่อช่วยยืดอายุในการรับประทานให้กับลูกค้าด้วย”

 

บริษัทเริ่มพรีเซลไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการสั่งซื้อกระเช้าผลไม้ในปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจประกันภัย, ธุรกิจขายตรง ฯลฯ ขณะที่ปีนี้การให้บริการจัดส่งผ่านดีลิเวอรีและบริการจัดส่งต่างๆ จะลดลง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า เกิดปัญหาสินค้าชำรุด สินค้าไม่เป็นไปตามที่ลูกค้าสั่ง เนื่องจากการขนส่งระหว่างทาง ทำให้เกิดการส่งคืนจำนวนมาก

 

นางสาววิภาวี กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการนำเข้าผักและผลไม้จากต่างประเทศในหลายประเทศพบว่า ยังมีราคาสูง ทำให้ต้องผลักดันเพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค รวมถึงการจัดทำโปรโมชันร่วมกับพันธมิตรร้านค้าปลีกต่างๆ โดยในปีนี้บริษัทจัดโรดโชว์ ตั้งบูธจำหน่ายผลไม้ตามห้างชั้นนำ อาทิ พารากอน  ดิ เอ็มโพเรียม บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ฯลฯ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรนำเข้าและจัดกิจกรรม อาทิ การร่วมกับธุรกิจการค้ารัฐบาลเมืองคยองกี ประเทศเกาหลีใต้ นำผลไม้หน้าหนาวของประเทศเกาหลี 3 ชนิดมาจำหน่าย ได้แก่ องุ่นไชน์ มัสคัส องุ่นเขียวไร้เมล็ด แอปเปิลแดงเกาหลี และสาลี่หิมะเกาหลี พันธุ์ซินโก พร้อมจัดโปรโมชันเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

เจาะกลยุทธ์ ‘วัชมนฟู้ด’ กู้กำลังซื้อ

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ 2,500-2,800 ล้านบาท การเติบโตคงที่ แบ่งออกเป็น ยอดขายค้าส่ง 95% และค้าปลีก 5% อย่างไรก็ดีเป้าหมายของบริษัทในอนาคตคือการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด พร้อมกับการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองให้มีความแข็งแรง สร้างฐานลูกค้าใหม่รวมถึงการขยายตลาดส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ในเรื่องของการบริโภคผลไม้ที่ถูกหลักโภชนาการเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์สูงสุดด้วย

 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3522 ระหว่างวันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน 2562