ไมครอน แวร์ จับมือ Jacob Jensen Design | KMUTT Bangkok สตูดิโอระดับโลก ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ และออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ AMATAS ดึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย ผสานดีไซน์ที่เรียบง่ายแบบ สแกนดิเนเวีย แชร์ประสบการณ์ ทุกอุปสรรคและความท้าทาย เพื่อเป็นแนวทางให้กับนักธุรกิจ และวงการดีไซน์ไทย พัฒนานักออกแบบและงานในวงการออกแบบของไทยสู่ตลาดโลก
นายพลาวุฒิ เจริญจิตมั่น ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ หจก. เจ.ซี.พี. พลาสติก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกล่องถนอมอาหาร คุณภาพสูงแบรนด์ SUPER LOCK ที่มีเทคโนโลยีป้องกันแบคทีเรีย Microban จากสหรัฐอเมริกา และเครื่องใช้ภายในบ้านคุณภาพสูงสำหรับที่อยู่อาศัยแบรนด์ไมครอน แวร์ (MICRON WARE) กล่าวว่า บริษัทฯได้ร่วมมือกับยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ สตูดิโอออกแบบระดับโลกจากประเทศเดนมาร์ก ที่มาเปิดสาขาที่ 3 ในไทยในชื่อ Jacob Jensen design I KMUTT Bangkok ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ไมครอน แวร์ และแบรนด์ในเครือทั้งหมด รวมถึงออกแบบคอลเลคชันใหม่ภายใต้แบรนด์ AMATAS
"การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ เกิดจากบริษัทฯ ต้องการขยายตลาดสู่ตลาดโลก เช่น ยุโรปและอเมริกา แต่พบปัญหา ผู้จำหน่ายเลือกที่จะใช้แบรนด์ของตัวเอง แทนที่จะเป็นแบรนด์ SUPER LOCK หรือ MICRON WARE" นายพลาวุฒิกล่าว
ความท้าทายที่เกิดขึ้นและวิธีการแก้ปัญหาในระหว่างการออกแบบแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ต้องคำนึงถึงทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงามและความเป็นไปได้ในการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งการออกแบบ การผลิต และความคิดสร้างสรรค์
นายเซบาสเตียน มาลวีลล์ ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ สตูดิโอ ยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ ได้ผสมผสานสไตล์การออกแบบแบบอินเตอร์ เนชั่นแนลกับสไตล์มายา (MAYA: Most Advanced Yet Acceptable) มาสร้างสรรค์งานดีไซน์โมเดิร์นและมีเอกลักษณ์ในรายละเอียดอย่างน่าดึงดูดใจ และให้นิยามแนวทางแบบนี้ว่า “ไม่แปลกแยกทว่าแตกต่าง” ซึ่งแนวทางการออกแบบในลักษณะนี้ได้กลายมาเป็นภาษาดีไซน์ที่ถูกใช้อย่างต่อเนื่องในงานออกแบบของยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ โดยมีหัวใจหลักสำคัญ 3 ข้อ
คือ 1. การจดจำได้ในระยะไกล (Distance) ด้วยรูปทรงที่ชัดเจน โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ผสานกับการใช้สีสันที่โดดเด่น 2. รายละเอียดระยะใกล้ (Closeness) ที่แสดงถึงความพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์ และ 3. ความน่าทึ่งเมื่อได้สัมผัส (Touch) ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ผู้ใช้จะได้รับเมื่อสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ของยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์แนวคิดนี้ได้ถูกต่อยอดและประยุกต์ใช้กับแนวทางใหม่ๆ ไปพร้อมกับการเติบโตของบริษัทในระดับโลก สำหรับการร่วมงานกับไมครอน แวร์ บริษัทต้องการให้นักเรียนออกแบบรุ่นใหม่ได้มีประสบการณ์จากการทำงานจริงกับดีไซเนอร์ ระดับโลก ได้เรียนรู้ปรัชญาและขั้นตอนการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย พร้อมทั้งสนับสนุนให้นักศึกษาที่มีความสามารถโดดเด่นได้แจ้งเกิดในเวทีระดับนานาชาติ ซึ่งจะช่วยในการพัฒนางานในวงการออกแบบของไทยในระยะยาว เพราะคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ในไทยมีบริษัทออกแบบที่ทำเรื่องแบรนดิ้งได้อย่างลึกซึ้งตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาวิจัยข้อมูลอยู่ไม่มากนัก
นอกจากนี้ อัญญาภา อัตตะศิริ ดีไซน์เนอร์ชาวไทยของ ยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ ยังเล่าถึงการออกแบบอัตลักษณ์ใหม่ของไมครอน แวร์ มาเป็น Lifestyle Solutions Provider Brand ว่า เป็นการผสมผสานอัตลักษณ์ของความเป็นไทยที่มีความประณีตละเอียดละออ กับแนวคิดการออกแบบที่เรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวีย โดยนำอัตลักษณ์เดิมของแบรนด์แบบไทย มาพัฒนาให้มีความทันสมัยเป็นสากลมากขึ้น ตัวตนใหม่ของแบรนด์ให้ความรู้สึกถึงไลฟ์สไตล์ที่อบอุ่น เรียบง่าย เป็นกันเอง ผ่านองค์ประกอบรูปทรงเรขาคณิตที่มีรูปทรงชัดเจน ทันสมัย แต่สอดแทรกความน่าตื่นตาตื่นใจของวัฒนธรรมไทยในการออกแบบรวมถึงการใช้สีสันที่มีทั้งสีเข้มและสีสว่างสดใส โครงสร้างและอัตลักษณ์ของแบรนด์ได้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้แบรนด์ลูกที่มีอยู่แล้ว หรือที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในอนาคตมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังคงความสอดคล้องได้อย่างกลมกลืนกับแบรนด์ใหญ่
อาจารย์พรเทพ ฉัตรภิญญาคุปต์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและวิชาการของ ยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวถึงความร่วมมือของทั้งสององค์กร ว่า ยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ ได้ตั้งสตูดิโอสาขาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และในประเทศไทย โดยในประเทศไทยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) KMUTT ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Jacob Jensen Design | KMUTT Bangkok กับสตูดิโอออกแบบชื่อดังจากเดนมาร์ก เมื่อปี 2556 ต้องการส่งผ่านวัฒนธรรมการออกแบบในสไตล์ของจาคอบ เจนเซ่น ดีไซน์ ไปสู่คนรุ่นใหม่
โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีความสามารถและสนใจงานดีไซน์ได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง เพื่อให้เข้าใจกระบวนการคิดและวิธีการทำงานภายใต้มาตรฐานของยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์ อีกทั้งจะได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของผลงานตัวเอง และได้รับส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ในผลงานนั้นๆ ด้วย ทั้งนี้ การทำงานร่วมกันระหว่างสตูดิโอ 3 แห่ง ช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านวัฒนธรรมที่หลากหลาย ยกระดับผลงานและโซลูชั่นใหม่ๆ ในการออกแบบที่ดียิ่งขึ้น