ผ่ามุมคิด GEN2 กะตะกรุ๊ป ยืนยาวธุรกิจโรงแรม ซัพพอร์ตศก.โลคัล

กว่า 3 ปีที่ทายาทรุ่น 2 กะตะกรุ๊ป “ปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย” (เบ้นท์) ได้เข้ามาช่วยครอบ ครัวดูแลธุรกิจโรงแรมกว่า 7 แห่งในเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งภูเก็ต กระบี่ และสมุย ซึ่งเราคุ้นหูภายใต้แบรนด์บียอนด์ รีสอร์ท ทุกโรงแรมแม้จะสร้างก่อนที่เขาจะเข้ามาบริหาร แต่ภารกิจที่รับผิดชอบก็ไม่ธรรมดา เพราะต้องดูแลด้านโปรดักต์ ดีเวลอปเมนต์คุมหัวใจสำคัญในการจัดซื้อ ทั้งอาหาร การซ่อมบำรุง และล่าสุดก็มีความท้าทายใหม่ กับการได้เข้ามาคุมการลงทุนใหม่ของโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป

ปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย

เริ่มจากกุมบังเหียนจัดซื้อ

GEN 2 กะตะกรุ๊ป ฉายภาพให้ฟังว่าหลังจบปริญญาโทด้านการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยกลียอง (Glion) จากสวิตเซอร์แลนด์ ก็เข้ามาช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจ ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งผมก็ชอบนะ การทำโรงแรมเราต้องมี Passion (แพสชัน) ไม่งั้นทำไม่ได้ เพราะเป็นธุรกิจที่มีรายละเอียดมาก การทำงานช่วงแรกๆ ลำบาก มีสิ่งให้เรียนรู้เยอะ อย่างพื้นแตก ต้องหาวัสดุมาแทน ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องใช้อะไร ถ้าเลือกวัสดุผิด มันอาจเก่าเร็วไปหรืออาจเป็นสนิม เพราะโรงแรมอยู่ชายหาด

อีกด้านคือการเข้าใจความต้องการของลูกค้า อันนี้ไม่ลำบากนัก ความที่เราอยู่เมืองนอกโตอยู่ในโรงแรมก็เห็นว่าแขกต้องการอะไร เราก็พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในราคาที่โอเคที่สุด รวมถึงการดูเรื่องอาหาร ก็พบว่าในอดีตแต่ละโรงแรมจะมีการจัดซื้อของตัวเอง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อด้านอาหารค่อนข้างสูง ผมก็ทำให้เกิดการจัดซื้อรวม เซฟเงินไปเยอะ เพราะซื้อเป็นกรุ๊ป ขณะที่คุณภาพอาหารก็ดีขึ้น โดยเราลงไปดูว่าซัพพลายเออร์ไหนที่เป็นคนภูเก็ตหรือคนไทย มีคุณภาพดี ราคาดี เราก็เข้าไปอุดหนุนกระจายรายได้ เพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจให้กับคนท้องถิ่นให้โตไปกับเราด้วยเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหลายๆ บริษัทกำลังแย่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจโลกแบบนี้

ใส่ไอเดียสร้างจุดขายใหม่

ทั้งผมยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์ใหม่ “ประมุกโก้” โรงแรมระดับ 4 ดาว 512 ห้อง ลงทุนราว 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นรีสอร์ตใหม่แห่งที่ 8 ของกะตะกรุ๊ปที่เพิ่งจะเปิดตัวด้วย ซึ่งเป็นงานแรกที่คุณพ่อ (ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย) ทำงานร่วมกับลูก โดยคุณพ่อเป็นคนวางเลย์เอาต์ให้โรงแรมออกมาใน แนวคลาสสิก และวางธีมให้เป็นโรงแรมสำหรับเด็ก เน้นกลุ่มครอบครัว แล้วให้ผมไปครีเอตต่อ

ผมเลยคิดสร้างโรงแรมให้สนุกแบบเต็มสตีมไปเลย มันเป็นความทรงจำวัยเด็ก เราตีโจทย์ว่าคิดส์คลับต้องดี มีสระว่ายนํ้าใหญ่มีเครื่องเล่นเยอะที่สุดเท่าที่จะใส่ได้ สร้างจุดขายให้ลูกค้าอยู่ในโรงแรมให้นานที่สุด สระว่ายนํ้าของที่นี่จึงมีสไลเดอร์ขนาดใหญ่ พร้อมสไลเดอร์ 3 ระดับสูงเท่ากับตึก 4 ชั้น  สร้างให้เป็นดินแดนแอดเวนเจอร์ลึกลับหน่อยๆ เน้นตึกและพื้นสีทอง ไม่ใช่สร้างออกมาเป็นแนวการ์ตูน

รวมถึงเพลงในรีสอร์ตผมก็ทำเพลงเองร้องเอง ออกแนวสไตล์แอฟริกา จังโก้ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ที่นี่จึงเป็นแบรนด์คอนเซ็ปต์ที่แปลกแหวกแนวจากโรงแรมอื่นๆ ในเครือทั้งหมด และยังเป็นโรงแรมแรกในเครือกะตะที่จะเน้นทำการตลาดคนไทยมากขึ้น เน้นแคมเปญออนไลน์ ต่างจากโรงแรมส่วนใหญ่ของเราที่ส่วนมากจะเป็นลูกค้าต่างชาติ

รุกลงทุนโรงแรมใหม่ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันกะตะกรุ๊ปก็ยังมีแผนลงทุนต่อเนื่อง โดยในเร็วๆ นี้จะรีโนเวตโรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กระบี่ ครั้งใหญ่ ที่จะต่อเติมห้องพักเพิ่มอีกราว 200 ห้อง ดีไซน์ใหม่ ออกแนวกรีนโฮเทลและมีจุดขายด้านเมดิคัล ที่ผมได้หารือกับหมอเอ้ก-นายแพทย์คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ ให้มาช่วยบริหารในโซนที่เป็นเมดิคัลให้ รวมถึงมีแผนลงทุนสร้างรีสอร์ต ที่เสม็ดนางชี จ.พังงา คาดว่าจะเห็นในอีก 2 ปีนี้ มีห้องพักราว 30 ห้อง เน้นดีไซน์ที่ขายวิวบรรยากาศเสม็ดนางชีทั้งในห้องพักและฟังก์ชันโดยรอบ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนไปรับพลัง คลายเครียดกับสังคมเมืองหลวง

มุมมองการคิดเรื่องดีไซน์โรงแรม ผมคิดว่าเป็นสัญชาตญาณ ผมดูมาเยอะ เดินทางบ่อย ถ่ายรูปไว้ก็พยายามดึงสิ่งนั้นมายังไทยให้ได้มากที่สุด บางทีห้องที่หรูที่สุดจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการก็ได้ เขาอาจจะต้องการวิวมองป่า เราก็ต้องตีโจทย์ตรงนั้นว่าการรีแล็กซ์ที่แท้จริงคือไร ให้ตอบโจทย์ ลูกค้า และดีไซน์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของไทย ให้ลูกค้ารู้สึกว่าสามารถหนีร้อนและหนีหนาวมาพักที่นี่ได้อย่างมีความสุข

ปั้นคนโลคัลตอกยํ้าแบรนด์ไทย

ด้วยเราเป็นโรงแรมไทยลูกค้าที่มาพักก็จะแตกต่างจากลูกค้าที่ไปพักโรงแรมเชน เพราะราคาก็ต่างกัน สิ่งที่ต้องปรับตัว คือ จะทำยังไงที่จะได้พนักงานโลคัลคนใต้มาทำงานที่โรงแรม คนดีๆ เก่งทำไมเขาถึงจะเลือกเราแทนที่เป็นโรงแรมเชน ซึ่งกะตะกรุ๊ป อยู่มากว่า 39 ปี ผ่านวิกฤติมาเยอะ ทั้งสึนามิ ต้มยำกุ้ง ภาวะการซบเซาของเศรษฐกิจปีที่แล้วว่าแย่แล้วปีนี้แย่กว่า

เป้าหมายการบริหารของผม คือ การยืนระยะยาว และที่สำคัญที่สุดเราต้องเป็นโรงแรมที่ช่วยเศรษฐกิจของโลคัลด้วย ทั้งการอุดหนุนธุรกิจของซัพพลายเออร์ในพื้นที่ พัฒนาบุคลากรในภาคใต้ให้มีโอกาสได้มาทำงานกับเรา เราพร้อมปั้นคนโลคัลให้เป็นผู้จัดการของโรงแรม(จีเอ็ม) ตอนนี้ทุกโรงแรมก็มีจีเอ็มคนไทยหมดแล้ว มีลูกครึ่งด้วยแต่ก็เป็นคนไทย เราต้องการสร้างงานให้คนไทย เพาะพันธ์ุการเจริญเติบโตให้เขาเป็นแรงงานที่ดี ให้เขาได้เติบโตในการทำงาน ที่ผ่านมีเคยใช้จีเอ็มต่างชาติ แต่ตอนนี้รู้แล้วเราก็เปลี่ยน เราเชื่อคนไทยทำได้

ทั้งในอนาคตก็มองการ รีแบรนด์กะตะกรุ๊ปอย่างจริงจัง เน้นเปลี่ยนกลยุทธ์เซลแบรนดิ้ง ก้าวสู่กรีนโฮเทล ลดการใช้พลาสติก ร่วมอนุรักษ์โลก และเน้นสร้างความเป็นลีดเดอร์ชิพของพนักงานให้เขายกระดับตัวเอง เพื่อพัฒนาสังคมในอนาคตด้วย

จุดเดินเราที่จะขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ ดูแลคนท้องถิ่นที่ต้องการพัฒนาตัวเอง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรสร้างโรงแรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด ในแบบของเราเอง และการควบคุมคอสต์ให้ดี เราก็ไปได้ ด้วยความที่ธุรกิจโรงแรมของกะตะกรุ๊ป ตั้งอยู่ในโลเกชันที่ดี ติดหาดเพราะเราลงทุนก่อนคนอื่น และที่ผ่านมาก็มีหลายเชนเข้ามาดูโรงแรมอยากได้หลายโรงแรมของเรา คุณพ่อก็ตัดสินใจไม่ให้ และเราก็คิดเหมือนกัน เพราะเหตุผลนี้

ไม่เพียงแต่การบริหารธุรกิจเท่านั้น คุณเบ้นท์ยังเป็นศิลปินในสังกัดสนามหลวงมิวสิก ค่ายเพลงในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ซึ่งเจ้าตัวชอบเล่นดนตรีมาตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลที่สหรัฐอเมริกา ดนตรีอยู่กับเจ้าตัวมาโดยตลอด และมองว่าการทำเพลงเป็นแพสชัน และเป็นส่วนที่สร้างเวิร์กไลฟ์บาลานซ์ให้เขาด้วยเช่นกัน

สัมภาษณ์ โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,519 วันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2562