ดิ้นสู้ตลาดบันเทิง อิ่มตัว NEN360 ปูพรมรุกCLMV
ชี้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยถึงจุดอิ่มตัว ตลาดเพลงไทยซบหนัก กลุ่มทุนแห่ปรับกลยุทธ์ขยายธุรกิจรองรับ “NEN360” สบช่องขยายตลาดCLMV ลุยธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร ทั้งอีเวนต์ คอนเสิร์ต ที่ปรึกษาด้านการตลาดและสร้างแบรนด์ หวังต่อยอดสร้างฐานลูกค้า เพิ่มการเติบโตแบบยั่งยืน
ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศไทยดูเหมือนจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง เห็นได้จากหลายค่ายเพลง ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายเล็กต่างทยอยปรับแผนธุรกิจจากธุรกิจค่ายเพลงสู่ธุรกิจอื่นๆ มากขึ้น เช่น ค้าปลีก โฮมช็อปปิ้ง เป็นต้น ขณะที่บางรายยังวางแผนผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเองแล้วนำมาต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร เป็นต้น เช่นเดียวกับน้องใหม่อย่าง บริษัท เน็ทเวิร์ค ออฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ 360 จำกัด (NEN 360) ที่เพิ่งก่อตั้งและเปิดบริษัทธุรกิจบันเทิงครบวงจร พลิกมุมธุรกิจเตรียมเจาะตลาด AEC หลังมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดดังกล่าว
นายศุภชัย นิลวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ทเวิร์ค ออฟ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ 360 จำกัด (NEN 360) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า อุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศไทยปัจจุบันส่วนตัวมองว่าถึงจุดอิ่มตัว และขยายฐานผู้ฟังได้ยากกว่าในอดีต ดังนั้นบริษัทจึงมองหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงไทย นั่นคือการขยายฐานผู้ฟังเพลงไทยที่อยู่ในอาเซียนเพิ่ม อาทิ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม เนื่องจากผู้ฟังที่อยู่ในประเทศข้างต้นส่วนใหญ่ชื่นชอบคอนเทนต์บันเทิงไทย
ศุภชัย นิลวรรณ
“กลุ่มประเทศ CLMV มีประชากรรวมกันเกือบ 250 ล้านคน มีผู้ฟังเพลงไทยและชมละครไทยจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทมองว่าตลาดดังกล่าวเป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายฐานผู้ฟังให้เพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทได้วางแผนผลิตศิลปินประมาณ 20 คนพร้อมรองรับกลุ่มผู้ฟังนี้ด้วย”
ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับ บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ปั้นศิลปินหน้าใหม่ จากรายการลูกทุ่งไอดอล ทางช่อง 7 เพื่อทำเพลงประจำตัวให้ 8 คนที่เข้ารอบสุดท้าย รวมทั้งพัฒนาและดูแลโปรโมตให้กลายเป็นนักร้องอาชีพ โดยคาดหวังว่าจะปลุกกระแสศิลปินลูกทุ่งให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ขณะเดียวกันบริษัทไม่ได้มุ่งผลิตศิลปินเพลงลูกทุ่งเท่านั้นแต่ให้ความสำคัญกับทุกประเภทเพลงเพื่อเข้าถึงผู้ฟังทั้งในและต่างประเทศมากที่สุด
ขณะที่แผนธุรกิจบริษัทได้ดำเนินงานบริหารจัดการศิลปินทำการตลาดเพิ่มมูลค่าแบบ 360 องศา ขณะเดียวกันยังมองกลุ่มลูกค้าแบรนด์ไทยระดับกลางและเล็กที่สนใจไปขยายตลาดอาเซียน แต่ไม่รู้วิธีและการทำการตลาด บริษัทจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้แก่แบรนด์ต่างๆ โดยใช้กลยุทธ์ Music Marketing เป็นตัวขับเคลื่อน อาทิ จัดอีเวนต์ คอนเสิร์ต อินฟลูเอ็นเซอร์ ขายลิขสิทธิ์เพลง ผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ
“รายได้ธุรกิจเพลงจากในอดีตจนถึงปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในอดีตรายได้ส่วนใหญ่เกือบ 100% มาจากการขาย ซีดี ดีวีดี เทป เป็นต้น แต่ปัจจุบันรายได้ถูกตัดทอนไปส่วนต่างๆ อาทิ การขายลิขสิทธิ์เพลง ยอดดาวน์โหลดเพลง สตรีมมิ่ง และรายได้ลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงอีเวนต์ เป็นต้น ซึ่งรายได้ปัจจุบันกว่า 70-80% มาจากธุรกิจอีเวนต์ และที่เหลือ 30% มาจากเพลงโฆษณา การตลาด ลิขสิทธิ์”
สำหรับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาทในการก่อตั้งบริษัท โดยการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านบุคลากร และการผลิตเพลง ซึ่งหากปีนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้ไม่ตํ่ากว่า 20 ล้านบาท และมีแบรนด์ลูกค้าเข้ามาร่วมงานมากกว่า 5 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3489 วันที่ 21-24 กรกฎาคม 2562
