โรงสีใต้ขอเอี่ยวข้าว 2 ล้านถุง รับช่วงผลิตช่วยสวนยาง/วงการแฉใครฟันกำไร
ข้าว 4 ล้านถุงช่วยสวนยางใกล้ลงตัว ล่าสุดโรงสีภาคใต้ ขอแบ่งเค้ก 2 ล้านถุงจากสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย หลังปลัดพาณิชย์เห็นชอบตามที่สมาคมชาวนาร้องขอ จากหวั่นข้าวภาคกลางทะลักทุบราคาข้าวเปลือกภาคใต้ดิ่ง เผยได้ราคาถุงละ 70 บาท คนวงการแจงสมาคมข้าวถุงฟันกำไรอื้อ ด้าน "ไกรบุญ" ประธาน อคส. เตรียมขอครม.เพิ่มวงเงินซื้อ หลังสมาคมเสนอปรับราคาใหม่
จากการที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ฉบับที่ 3,127 วันที่ 31 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2559 เปิดประเด็นการจัดสรรโควตาการผลิตข้าวถุงในสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ให้กับ 10 บริษัท รายละ 4 แสนตัน ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 12 มกราคม 2558 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) จัดซื้อข้าวถุงโครงการข้าวสารบรรจุถุงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ จำนวน 4.01 ล้านถุง (ครัวเรือนละ 5 ถุงถุง ละ 5 กิโลกรัม ใน 68 จังหวัด จำนวน 8.02 แสนครัวเรือน) นั้น
[caption id="attachment_29684" align="aligncenter" width="320"]
สุเทพ คงมาก[/caption]
นายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และกรรมการในคณะทำงานวางแผนการผลิตข้าวครบวงจร ปี 2559-2560 เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าล่าสุดของโครงการว่า ในที่ประชุมคณะทำงาน (29 ม.ค.59) ที่มีนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้มีโอกาสสะท้อนถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลผลิตข้าวถุงแจกชาวสวนยางนั้นจะส่งผลกระทบทำให้ชาวนาในภาคใต้จะได้รับความเดือดร้อนจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำ เพราะโรงสีจะอ้างไม่สามารถซื้อข้าวได้ในช่วงที่ชาวนาภาคใต้จะเก็บเกี่ยวข้าวประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ผลจากข้าวถุงของรัฐบาลที่ผลิตจากภาคกลางจะลงสู่ภาคใต้ ทำให้โรงสีขายข้าวไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ใช้ข้าวในการผลิตข้าวถุง เป็นข้าวของโรงสีในภาคใต้แทนโรงสีจากส่วนกลาง เพราะต้นทุนจะถูกกว่าตามค่าขนส่ง ซึ่งทางปลัดก็เห็นด้วย จึงให้ทางสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยกับสมาคมโรงสีภาคใต้เจรจากัน และตกลงกันได้ที่ราคาถุงละ 70 บาท โดยให้จ่ายเป็นเงินสด จะมีการทำสัญญากันในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ที่ จำนวน 2 ล้านถุง หรือคิดเป็นปริมาณข้าว 1 หมื่นตัน
สอดคล้องกับนายสุทธิพร กาฬสุวรรณ นายกสมาคมโรงสีข้าว และกลุ่มชาวนาภาคใต้ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลมีการเปิดประมูลขายข้าวต่อเนื่อง ทำให้โรงสีขายข้าวไม่ได้ มีข้าวเต็มอยู่ในสต๊อก ดังนั้นเมื่อมีโครงการข้าวถุงแจกชาวสวนยาง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้กว่า 80% เห็นว่าน่าจะให้โรงสีภาคใต้ผลิต ซึ่งมีจำนวนกว่า 115 โรง มีศักยภาพไม่แพ้ภาคกลาง โดยจะมีตัวแทนจากโรงสีขนาดใหญ่ของภาคใต้ อาทิ โรงสีข้าวจรินทร์ จันทร์แก้ว เป็นต้น จะรับเป็นคู่สัญญากับสมาคมฯข้าวถุงไทย แล้วจะนำโควตาไปแจกจ่ายให้กับโรงสีผลิตอีกทอดหนึ่งแต่หากเห็นสัญญาแล้วไม่เป็นธรรมก็จะไม่เซ็นรับจ้างรับช่วงผลิตต่อจากสมาคมฯข้าวถุงไทย
ด้าน พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า จากที่ ครม.มีมติให้ อคส.ซื้อข้าวจากสมาคมฯข้าวถุงไทย เพื่อแจกชาวสวนยาง ถือเป็นการล็อกโดยมติ ครม.ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้แจ้งให้สมาคมฯข้าวถุงไทย จะต้องทำรายละเอียดว่าให้ใครผลิตบ้าง จำนวนเท่าไร แล้วแต่ละบริษัท จัดส่งที่ไหนบ้าง อย่างไร และสินค้าได้คุณภาพหรือไม่ เพราะข้าวใหม่ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องคุณภาพ ส่วนราคาข้าวถุงที่สมาคมแจ้งมาราคาใหม่ เดิมอ้างว่ากรมการค้าภายในคำนวณผิดพลาด จึงจำเป็นต้องขอมติ ครม.เพื่อขอเพิ่มวงเงินในการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงแจกชาวสวนยาง
ขณะที่นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า จากมติครม.ที่อนุมัติให้ทำข้าวถุง จากสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย นั้นทางกระทรวงพาณิชย์ ได้คิดราคาให้สมาคมผลิตข้าวถุงละ 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 75 บาท และค่าใช้จ่ายในการผลิตข้าวถุงและค่าขนส่ง ดำเนินการชำระข้าวในสต๊อกรัฐบาล ซึ่งคิดให้ตันละ 1 หมื่นบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังครม.มีมติเรื่องข้าวถุงช่วยชาวสวนยาง (12 ม.ค.) ทางสมาคมข้าวถุงไทย ได้มีหนังสือ 2 ฉบับ ลงวันที่ 14 และ 27 มกราคม 2559 แจ้งมาที่ อคส. เสนอราคาข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัมราคาข้าวถุงละ 90.25 บาทและ 82.25 บาท ตามลำดับ สรุปราคาที่ตกลงกันได้ที่ 82.25 บาทต่อถุง ซึ่งจะมีผลทำให้สามารถผลิตข้าวถุงได้เพียง 3.4-3.5 ล้านถุง ดังนั้นทาง อคส. จะต้องจ่ายเป็นข้าวสารในคลังเพิ่มไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นตันหรือคิดเป็นมูลค่าราว 330 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวถึง จากการที่สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ให้ทางโรงภาคใต้ผลิตที่ราคาถุงละ 70 บาท โดยจะจ่ายเป็นเงินสดให้นั้น มองว่าเป็นการเอาเปรียบเกินไป เพราะบริษัท ในสมาชิกสมาคมได้ทั้งเนื้อข้าว ที่สามารถนำออกไปขายได้ในราคาดี เพราะคนไทยนิยมบริโภคข้าวเก่า อีกทั้งยังได้ปลายข้าวด้วย ทั้งนี้ราคาปลายข้าวปรับขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 1.05 -1.06 หมื่นบาท จากราคาเดิมอยู่ที่ ตันละ 9 -9.5 พันบาท
ขณะที่นายสมเกียรติ มรรคยาธรนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยกล่าวยืนยันว่า จากมติ ครม.ให้สมาคมเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับอคส.เพียงผู้เดียว แต่เมื่อทางโรงสีภาคใต้ประสงค์ต้องการผลิต ทางสมาคมจึงให้โควตาจำนวน 2 ล้านถุง โดยจะจ่ายเป็นเงินสดให้ต่อถุง ส่วนโรงสีภาคใต้แค่ออกแรง กับนำข้าวตัวเองมาบรรจุ ซึ่งถุงก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วย แต่สมาชิกในสมาคมจะต้องนำข้าวออกจากคลัง เพราะรัฐบาลคิดมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นข้าวในสต๊อก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,128 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
จากการที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ฉบับที่ 3,127 วันที่ 31 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2559 เปิดประเด็นการจัดสรรโควตาการผลิตข้าวถุงในสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ให้กับ 10 บริษัท รายละ 4 แสนตัน ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 12 มกราคม 2558 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) จัดซื้อข้าวถุงโครงการข้าวสารบรรจุถุงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ จำนวน 4.01 ล้านถุง (ครัวเรือนละ 5 ถุงถุง ละ 5 กิโลกรัม ใน 68 จังหวัด จำนวน 8.02 แสนครัวเรือน) นั้น
[caption id="attachment_29684" align="aligncenter" width="320"]
นายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และกรรมการในคณะทำงานวางแผนการผลิตข้าวครบวงจร ปี 2559-2560 เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าล่าสุดของโครงการว่า ในที่ประชุมคณะทำงาน (29 ม.ค.59) ที่มีนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้มีโอกาสสะท้อนถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลผลิตข้าวถุงแจกชาวสวนยางนั้นจะส่งผลกระทบทำให้ชาวนาในภาคใต้จะได้รับความเดือดร้อนจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำ เพราะโรงสีจะอ้างไม่สามารถซื้อข้าวได้ในช่วงที่ชาวนาภาคใต้จะเก็บเกี่ยวข้าวประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ผลจากข้าวถุงของรัฐบาลที่ผลิตจากภาคกลางจะลงสู่ภาคใต้ ทำให้โรงสีขายข้าวไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ใช้ข้าวในการผลิตข้าวถุง เป็นข้าวของโรงสีในภาคใต้แทนโรงสีจากส่วนกลาง เพราะต้นทุนจะถูกกว่าตามค่าขนส่ง ซึ่งทางปลัดก็เห็นด้วย จึงให้ทางสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยกับสมาคมโรงสีภาคใต้เจรจากัน และตกลงกันได้ที่ราคาถุงละ 70 บาท โดยให้จ่ายเป็นเงินสด จะมีการทำสัญญากันในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ที่ จำนวน 2 ล้านถุง หรือคิดเป็นปริมาณข้าว 1 หมื่นตัน
สอดคล้องกับนายสุทธิพร กาฬสุวรรณ นายกสมาคมโรงสีข้าว และกลุ่มชาวนาภาคใต้ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลมีการเปิดประมูลขายข้าวต่อเนื่อง ทำให้โรงสีขายข้าวไม่ได้ มีข้าวเต็มอยู่ในสต๊อก ดังนั้นเมื่อมีโครงการข้าวถุงแจกชาวสวนยาง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้กว่า 80% เห็นว่าน่าจะให้โรงสีภาคใต้ผลิต ซึ่งมีจำนวนกว่า 115 โรง มีศักยภาพไม่แพ้ภาคกลาง โดยจะมีตัวแทนจากโรงสีขนาดใหญ่ของภาคใต้ อาทิ โรงสีข้าวจรินทร์ จันทร์แก้ว เป็นต้น จะรับเป็นคู่สัญญากับสมาคมฯข้าวถุงไทย แล้วจะนำโควตาไปแจกจ่ายให้กับโรงสีผลิตอีกทอดหนึ่งแต่หากเห็นสัญญาแล้วไม่เป็นธรรมก็จะไม่เซ็นรับจ้างรับช่วงผลิตต่อจากสมาคมฯข้าวถุงไทย
ด้าน พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า จากที่ ครม.มีมติให้ อคส.ซื้อข้าวจากสมาคมฯข้าวถุงไทย เพื่อแจกชาวสวนยาง ถือเป็นการล็อกโดยมติ ครม.ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้แจ้งให้สมาคมฯข้าวถุงไทย จะต้องทำรายละเอียดว่าให้ใครผลิตบ้าง จำนวนเท่าไร แล้วแต่ละบริษัท จัดส่งที่ไหนบ้าง อย่างไร และสินค้าได้คุณภาพหรือไม่ เพราะข้าวใหม่ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องคุณภาพ ส่วนราคาข้าวถุงที่สมาคมแจ้งมาราคาใหม่ เดิมอ้างว่ากรมการค้าภายในคำนวณผิดพลาด จึงจำเป็นต้องขอมติ ครม.เพื่อขอเพิ่มวงเงินในการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงแจกชาวสวนยาง
ขณะที่นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า จากมติครม.ที่อนุมัติให้ทำข้าวถุง จากสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย นั้นทางกระทรวงพาณิชย์ ได้คิดราคาให้สมาคมผลิตข้าวถุงละ 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 75 บาท และค่าใช้จ่ายในการผลิตข้าวถุงและค่าขนส่ง ดำเนินการชำระข้าวในสต๊อกรัฐบาล ซึ่งคิดให้ตันละ 1 หมื่นบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังครม.มีมติเรื่องข้าวถุงช่วยชาวสวนยาง (12 ม.ค.) ทางสมาคมข้าวถุงไทย ได้มีหนังสือ 2 ฉบับ ลงวันที่ 14 และ 27 มกราคม 2559 แจ้งมาที่ อคส. เสนอราคาข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัมราคาข้าวถุงละ 90.25 บาทและ 82.25 บาท ตามลำดับ สรุปราคาที่ตกลงกันได้ที่ 82.25 บาทต่อถุง ซึ่งจะมีผลทำให้สามารถผลิตข้าวถุงได้เพียง 3.4-3.5 ล้านถุง ดังนั้นทาง อคส. จะต้องจ่ายเป็นข้าวสารในคลังเพิ่มไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นตันหรือคิดเป็นมูลค่าราว 330 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวถึง จากการที่สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ให้ทางโรงภาคใต้ผลิตที่ราคาถุงละ 70 บาท โดยจะจ่ายเป็นเงินสดให้นั้น มองว่าเป็นการเอาเปรียบเกินไป เพราะบริษัท ในสมาชิกสมาคมได้ทั้งเนื้อข้าว ที่สามารถนำออกไปขายได้ในราคาดี เพราะคนไทยนิยมบริโภคข้าวเก่า อีกทั้งยังได้ปลายข้าวด้วย ทั้งนี้ราคาปลายข้าวปรับขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 1.05 -1.06 หมื่นบาท จากราคาเดิมอยู่ที่ ตันละ 9 -9.5 พันบาท
ขณะที่นายสมเกียรติ มรรคยาธรนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยกล่าวยืนยันว่า จากมติ ครม.ให้สมาคมเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับอคส.เพียงผู้เดียว แต่เมื่อทางโรงสีภาคใต้ประสงค์ต้องการผลิต ทางสมาคมจึงให้โควตาจำนวน 2 ล้านถุง โดยจะจ่ายเป็นเงินสดให้ต่อถุง ส่วนโรงสีภาคใต้แค่ออกแรง กับนำข้าวตัวเองมาบรรจุ ซึ่งถุงก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วย แต่สมาชิกในสมาคมจะต้องนำข้าวออกจากคลัง เพราะรัฐบาลคิดมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นข้าวในสต๊อก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,128 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559