‘เมอเวนพิค’รุกเอเชีย ใช้กรุงเทพฯ เป็นสำนักงานใหญ่ ปักธงบริหารโรงแรม 40 แห่งในปี63

21 ม.ค. 2559 | 01:00 น.
ที่ผ่านมาแม้ชื่อ "เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท" บริษัทบริหารจัดการโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะยังไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยมากนัก เพราะมีโรงแรมทั้งหมดที่บริหารจัดการอยู่ 83 แห่งใน 24 ประเทศทั่วโลก แต่นับจากนี้จะเริ่มเห็นการเปิดแนวรุกในการขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรม ของแบรนด์นี้ในเอเชีย รวมถึงในไทย เพิ่มขึ้น อ่านได้จากสัมภาษณ์ นายแอนดรูว์ แลงดอน รองประธานอาวุโส ประจำทวีปเอเชีย เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท

 วางเป้าขยายธุรกิจทั่วเอเชีย

คุณแลงดอน กล่าวว่า ปัจจุบัน เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 8 แห่งในทวีปเอเชีย โดยมีโรงแรม 4 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย และอีก 4 แห่งตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เวียดนาม จีน และฟิลิปปินส์ แต่เขามองว่าต่อไปด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไปข้างหน้า จะเดินหน้ารับบริหารโรงแรมในระดับ 5 ดาวในทวีปเอเชียเพิ่มเติม อย่างน้อย 25 แห่งภายในปี 2563 ทั้งนี้มีบางโครงการได้เริ่มต้นการดำเนินการไปแล้ว นอกจากนี้ เมอเวนพิค ยังได้วางแผนที่จะเริ่มเปิดทำการในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และศรีลังกา ภายในสิ้นปี 2559

"เป้าหมายเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท คือการขยายธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งหมด 8 แห่ง และอีก 11 แห่งที่กำลังพัฒนาและสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2563 และเรามั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มตัวเลขของโรงแรมและรีสอร์ตได้เป็นเท่าตัวถึง 40 แห่งภายในปี 2563"

โดยเขา กล่าวถึงจุดเด่นของ เมอเวนพิค ที่ชำนาญด้านการทำจัดสัมมนาและทำธุรกิจด้านโรงแรม รวมถึงด้านรีสอร์ตสำหรับพักผ่อน โดยรูปแบบการบริการบริหารงานแบบสวิส แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายและความเป็นเอกลักษณ์ของที่ๆ นั้นและเคารพชุมชนท้องถิ่น เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท มีความมุ่งมั่นที่จะมอบการบริการระดับพรีเมียมและความสุขจากอาหารเลิศรสที่คัดสรรมาอย่างดี ทำด้วยความใส่ใจ และอีกด้านเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ให้ความสำคัญในเรื่องการอนุรักษ์ รักษาสิ่งแวดล้อม จึงทำให้เป็นโรงแรมที่ได้ใบรับรองว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก

 เปิดในไทยใหม่อีก 4 แห่ง

สำหรับในประเทศไทย เขามองว่า ภายในอีก 4-5 ปี เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ตั้งเป้าที่จะขยายโรงแรมให้มีจำนวน 3 เท่าจากจำนวนที่มีในประเทศไทย โดยเป้าหมายหลักที่จะทำการขยายไปนอกเหนือจาก กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย ซึ่งได้ทำการดำเนินการอยู่แล้ว คือ พัทยา หัวหิน กระบี่ และเชียงใหม่ เช่น พัทยาจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในต้นปีนี้ ส่วนเชียงใหม่จะทำการเปิดตัวในปลายปีนี้ ซึ่งเท่ากับว่าในปีนี้ที่ประเทศไทยมีโรงแรมทั้งหมด 6 ที่ประกอบด้วย ที่สมุย 1โรง ที่ภูเก็ต 2 โรง กรุงเทพฯ 1 โรง ต่อมาที่พัทยาและเชียงใหม่ โดยจะมีทั้งโรงแรมแบบในเมืองและรีสอร์ต

ทั้งนี้โรงแรมใหม่ล่าสุดอันดับที่ 5 ของเมอเวนพิคในประเทศไทย คือ เมอเวนพิค สยาม โอเต็ล พัทยา คาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว จำนวน 262 ห้อง ตั้งอยู่ริมทะเล บนหาดนาจอมเทียนพัทยา ทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเช่น ผู้ที่รักการท่องเที่ยวทะเล หรือแล่นเรือยอตช์

เขามองว่าตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยเติบโตเป็นเท่าตัวเมื่อมองย้อนกลับไป ถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2540 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินมาประเทศไทยประมาณ 6 ล้านคน ต่อมาปี 2557 มีจำนวนประมาณ 24.8 ล้านคน และปี 2558 มีจำนวนประมาณ 28 ล้านคน และในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้คาดการณ์ว่า ปี 2559 จะมียอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยถึง 30 ล้านคน โดยนักท่องเทียวหลักๆมาจากประเทศจีน รัสเซีย ยุโรปตะวันออก อินเดีย ตะวันออกกลาง

"ที่ผ่านมา เมอเวนพิค ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถดึงดูดแขกให้มาพักที่ เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งพิสูจน์ได้จากการจัดอันดับในกลุ่มโรงแรมในมาตรฐานเดียวกัน พวกเราได้พัฒนา กลยุทธ์ต่างๆ ให้ดึงดูดแขกที่มาพักยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายสำนักงานขายระดับนานาชาติถึง 19 ประเทศ ทั้ง 5 ทวีป อีกทั้งยังได้ลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที เพื่อพัฒนาระบบการกระจายและการเชื่อมต่อไปกว่าหลายล้านบาท และยังขยายสำนักงานทั่วทวีปเอเชีย ควบคู่กับการลงทุนในเรื่องของการขาย การตลาด อี-คอมเมิร์ซ การสื่อสารการตลาด การประชาสัมพันธ์ และการบริหารรายได้"

 โฟกัสธุรกิจเพียงแบรนด์เดียว

ขณะเดียวกันความแตกต่างของเมอเวนพิค ที่ไม่เหมือนคนอื่น คือ เมอเวนพิคไม่ใช่เป็นเพียงแค่บริษัทบริหารจัดการโรงแรมข้ามชาติทั่วไปเท่านั้น แต่เมอเวนพิค แตกต่างจากที่อื่นเพราะพวกเราเป็นบริษัทเอกชนเป็นเจ้าของเอง และมีเพียงแบรนด์เดียวที่เราบริหารจัดการ จึงทำให้สามารถที่จะทุ่มเทและให้ความสำคัญให้แบรนด์ เมอเวนพิค ได้อย่างเต็มที่

พวกเราเข้าใจมุมมองของผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรม (พาร์ตเนอร์ของเมอเวนพิค) โดยพื้นฐานปรัชญาหลักในการดำเนินงานจะเป็นการบริหารงานแบบ ให้เจ้าของโรงแรมเป็นศูนย์กลาง (owner-centric management) ซึ่งมีความยืดหยุ่นและเป็นกันเอง สำหรับเมอเวนพิค การบริหารโรงแรมก็เหมือนกับการแต่งงาน เป็นการผูกและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่าง เมอเวนพิคและเจ้าของโรงแรม โดยพวกเราจะดูแลและบริหารโรงแรมเหมือนกับเป็นโรงแรมของเราเอง จึงทำให้มั่นใจว่าเจ้าของโรงแรมจะได้ค่าตอบแทนจากการลงทุนสูงที่สุด (Return of Investment) และเป็นทรัพย์สินที่พวกเขาภูมิใจ
สิ่งสุดท้าย เมอเวนพิค ได้ให้คำยึดมั่นไว้กับเจ้าของโรงแรมในเมืองไทย โดยสร้างสำนักงานใหญ่ในเอเชียไว้ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันทีและเข้าถึงเจ้าของได้ง่าย ทั้งนี้พนักงานทุกคนรวมไปถึงทีมหลักของเรา ถ้าไม่เป็นคนไทยก็จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อประเทศไทย เช่นการแต่งงานกับคนไทย หรืออาศัยและทำงานในประเทศไทยเป็นเวลานาน จึงทำให้พวกเรามีความเข้าใจในประเทศไทยอย่างมาก ในทุกภาคส่วน ทั้งในภาคการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศไทย

ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี เขามองว่าการท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจสำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งกว่า 10 % ของจีดีพีมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและยังสร้างรายงานให้แก่แรงงานอีกด้วย

ดังนั้นการเปิดเออีซี ทางเมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เห็นผลในด้านบวกทั่วทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พวกเราต้องการเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของเออีซี ทั้งในส่วนขององค์กร (corporate) และนักท่องเที่ยวธุรกิจไมซ์ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยพัฒนาธุรกิจในประเทศ ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวยังส่งผลให้โอกาสของการเดินทางท่องเที่ยวง่ายและสะดวกขึ้น นอกจากนี้การรวมตัวกันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีนี้ ยังช่วยให้พนักงานได้พัฒนาทักษะและเรียนรู้การร่วมงานในระดับสากลอีกด้วย นายแลงดอน กล่าวทิ้งท้าย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,124 วันที่ 21 - 23 มกราคม พ.ศ. 2559