ฮอลล์ทุ่ม100ล้านทำกิจกรรมตลาด
ฮอลล์ทุ่มงบกว่า 100 ล้าน ทำตลาดและโฆษณา ชู 3 กลยุทธ์สร้างการเติบโต พร้อมจัดแคมเปญครบรอบ 50 ปี ดึง"ฮอลล์ เลดี้" จับตลาดคนชอบวินเทจ รักษาแชมป์ผู้นำเบอร์ 1 มั่นใจคนยังบริโภคลูกอม ตลาดรวมโตอีก 6-7% มูลค่า 8.2 พันล้าน
[caption id="attachment_26820" align="aligncenter" width="600"]
ภาพรวมตลาดลูกอมเมืองไทย 2558[/caption]
นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตลูกอม หมากฝรั่ง บิสกิตและช็อกโกแลต เปิดเผยว่า ได้ทุ่มงบประมาณมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อใช้โฆษณาและการจัดกิจกรรมการตลาดลูกอมแบรนด์ฮอลล์ ซึ่งในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับการใช้งบการตลาดผ่านสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปีที่ผ่านมาที่ใช้ 7% เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังใช้งบกับสื่อโฆษณาหลัก เช่น สื่อโทรทัศน์ และสื่อนอกบ้าน เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ"ฮอลล์ฉลอง 50 ปี เย็นสดชื่นลูกอมอันดับหนึ่งคู่คนไทย" โดยนำเอาฮอลล์ เลดี้ กลับมาใช้บนบรรจุภัณฑ์ของฮอลล์อีกครั้ง หลังจากเลิกใช้มากว่า 10 ปี สินค้าจะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เท่านั้น โดยปกติบรรจุภัณฑ์ของฮอลล์จะมีการปรับโฉมทุกๆ 3 ปี เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ถือว่าการนำเอาฮอลล์ เลดี้กลับมาใช้สื่อสารการตลาดครั้งนี้ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันให้ความสนใจกับสินค้าในแนววินเทจ
ด้านนางกรกต วุฒิหิรัญธำรง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ลูกอมและหมากฝรั่ง บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ได้จัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และเริ่มต้นเร็วกว่าทุกปี เนื่องจากต้องการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เติบโต ในฐานะที่ฮอลล์เป็นผู้นำตลาดลูกอม ซึ่งจะมุ่งเน้นความถี่ในการบริโภคให้เพิ่มสูงขึ้น โดยใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการทำกิจกรรมการตลาด ได้แก่ 1. การดึงดูดผู้บริโภคผ่านแพ็กเกจลิมิเต็ดเอดิชันของฮอลล์ 2 รสชาติ ได้แก่ รสเมนโล-ลิปตัส และรสน้ำผึ้งผสมกลิ่นเลมอน พร้อมด้วยโปรโมชันของสมนาคุณ 2. แคมเปญโฆษณา และ 3.การสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อต่างๆ
"ปัจจุบันกลุ่มลูกอมและหมากฝรั่ง ครองส่วนแบ่งมากกว่า 80% ของรายได้บริษัท ส่วนที่เหลือเป็นบิสกิตและช็อกโกแลต การทำตลาดของฮอลล์จะเน้นเพิ่มความถี่ในการบริโภค มากกว่าการขยายฐานกลุ่มลูกค้า เนื่องจากฮอลล์เข้าถึงลูกค้ามากอยู่แล้ว มีสัดส่วนการบริโภคมากที่สุดถึง 72% เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งการบริโภคลูกอมเป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ ความสดชื่น ดับกลิ่นปาก เพลิดเพลิน แก้เบื่อ และอร่อย"
ด้านภาพรวมตลาดลูกอมในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่า 8.20 พันล้านบาท หรือเติบโต 6-7% จากปีที่ผ่านมา โดยมีแบรนด์ฮอลล์เป็นผู้นำตลาดและกระตุ้นให้ตลาดมีการเติบโต ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาตลาดลูกอมมีมูลค่ากว่า 8.07 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 6.7% โดยตลาดรวมแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกอมเม็ดแข็งสัดส่วน 43% เติบโต 11.8% กลุ่มลูกอมเคี้ยวหนึบ สัดส่วน 18% ลดลง 1.1% กลุ่มเยลลี่เคี้ยวหนึบ สัดส่วน 16% เติบโต 6.4% กลุ่มลูกอมอัดเม็ด สัดส่วน 14% เติบโต 2.2% และอื่นๆ 9% เติบโต 8.4% ส่วนแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ฮอลล์ สัดส่วน 18.2% 2. คลอเร็ท สัดส่วน 7.0% และฮอลล์ เอ็กเอส สัดส่วน 5.6%
"ปีที่ผ่านมาฮอลล์มีส่วนแบ่งการตลาด 23.8% สูงสุดในรอบ 3 ปี เป็นผลจากการเปิดตัวและทำตลาดของฮอลล์ เอ็กเอส ช่วงเดือนกันยายน 2557 จนถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของฮอลล์ เติบโต 25.5% ปัจจุบันฮอลล์มีส่วนแบ่งการตลาด 56% ของกลุ่มลูกอมเม็ดแข็ง ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมการขายของปีนี้จะมีการจัดซื้อ 2 แถม 1 สินค้าราคาพิเศษ และสินค้าพรีเมียม เป็นต้น"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,123 วันที่ 17 - 20 มกราคม พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_26820" align="aligncenter" width="600"]
นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตลูกอม หมากฝรั่ง บิสกิตและช็อกโกแลต เปิดเผยว่า ได้ทุ่มงบประมาณมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อใช้โฆษณาและการจัดกิจกรรมการตลาดลูกอมแบรนด์ฮอลล์ ซึ่งในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับการใช้งบการตลาดผ่านสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปีที่ผ่านมาที่ใช้ 7% เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังใช้งบกับสื่อโฆษณาหลัก เช่น สื่อโทรทัศน์ และสื่อนอกบ้าน เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ"ฮอลล์ฉลอง 50 ปี เย็นสดชื่นลูกอมอันดับหนึ่งคู่คนไทย" โดยนำเอาฮอลล์ เลดี้ กลับมาใช้บนบรรจุภัณฑ์ของฮอลล์อีกครั้ง หลังจากเลิกใช้มากว่า 10 ปี สินค้าจะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เท่านั้น โดยปกติบรรจุภัณฑ์ของฮอลล์จะมีการปรับโฉมทุกๆ 3 ปี เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ถือว่าการนำเอาฮอลล์ เลดี้กลับมาใช้สื่อสารการตลาดครั้งนี้ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันให้ความสนใจกับสินค้าในแนววินเทจ
ด้านนางกรกต วุฒิหิรัญธำรง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ลูกอมและหมากฝรั่ง บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ได้จัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และเริ่มต้นเร็วกว่าทุกปี เนื่องจากต้องการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เติบโต ในฐานะที่ฮอลล์เป็นผู้นำตลาดลูกอม ซึ่งจะมุ่งเน้นความถี่ในการบริโภคให้เพิ่มสูงขึ้น โดยใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการทำกิจกรรมการตลาด ได้แก่ 1. การดึงดูดผู้บริโภคผ่านแพ็กเกจลิมิเต็ดเอดิชันของฮอลล์ 2 รสชาติ ได้แก่ รสเมนโล-ลิปตัส และรสน้ำผึ้งผสมกลิ่นเลมอน พร้อมด้วยโปรโมชันของสมนาคุณ 2. แคมเปญโฆษณา และ 3.การสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อต่างๆ
"ปัจจุบันกลุ่มลูกอมและหมากฝรั่ง ครองส่วนแบ่งมากกว่า 80% ของรายได้บริษัท ส่วนที่เหลือเป็นบิสกิตและช็อกโกแลต การทำตลาดของฮอลล์จะเน้นเพิ่มความถี่ในการบริโภค มากกว่าการขยายฐานกลุ่มลูกค้า เนื่องจากฮอลล์เข้าถึงลูกค้ามากอยู่แล้ว มีสัดส่วนการบริโภคมากที่สุดถึง 72% เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งการบริโภคลูกอมเป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ ความสดชื่น ดับกลิ่นปาก เพลิดเพลิน แก้เบื่อ และอร่อย"
ด้านภาพรวมตลาดลูกอมในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่า 8.20 พันล้านบาท หรือเติบโต 6-7% จากปีที่ผ่านมา โดยมีแบรนด์ฮอลล์เป็นผู้นำตลาดและกระตุ้นให้ตลาดมีการเติบโต ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาตลาดลูกอมมีมูลค่ากว่า 8.07 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 6.7% โดยตลาดรวมแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกอมเม็ดแข็งสัดส่วน 43% เติบโต 11.8% กลุ่มลูกอมเคี้ยวหนึบ สัดส่วน 18% ลดลง 1.1% กลุ่มเยลลี่เคี้ยวหนึบ สัดส่วน 16% เติบโต 6.4% กลุ่มลูกอมอัดเม็ด สัดส่วน 14% เติบโต 2.2% และอื่นๆ 9% เติบโต 8.4% ส่วนแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ฮอลล์ สัดส่วน 18.2% 2. คลอเร็ท สัดส่วน 7.0% และฮอลล์ เอ็กเอส สัดส่วน 5.6%
"ปีที่ผ่านมาฮอลล์มีส่วนแบ่งการตลาด 23.8% สูงสุดในรอบ 3 ปี เป็นผลจากการเปิดตัวและทำตลาดของฮอลล์ เอ็กเอส ช่วงเดือนกันยายน 2557 จนถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของฮอลล์ เติบโต 25.5% ปัจจุบันฮอลล์มีส่วนแบ่งการตลาด 56% ของกลุ่มลูกอมเม็ดแข็ง ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมการขายของปีนี้จะมีการจัดซื้อ 2 แถม 1 สินค้าราคาพิเศษ และสินค้าพรีเมียม เป็นต้น"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,123 วันที่ 17 - 20 มกราคม พ.ศ. 2559