ขายตรงโชว์แกร่งยังเติบโตต่อเนื่อง กลุ่มสุขภาพและความงามมาแรงสุด

14 ม.ค. 2559 | 12:00 น.
นายกสมาคมการขายตรงไทย ประเมินสถานการณ์ปี 2559 ตลาดยังรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่เป็นการเติบโตแบบชะลอตัว ส่วนสินค้าเด่นที่เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% เป็นกลุ่มสุขภาพและความงาม ขณะที่บริษัทขายตรงต่างชาติ เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในไทย หวังเข้าบุกตลาดรับการเปิดเออีซี

ดร.ภคพรรณ ลีวุฒินันท์ นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจขายตรงในปี 2559 ว่า ยังคงรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แต่เป็นการเติบโตแบบชะลอตัวเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทางสมาคมพยายามจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้อุตสาหกรรมเติบโตทั้งระบบ รวมถึงบริษัทต่างๆพยายามรักษายอดขายให้เติบโต ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจมั่นใจว่า จะมีการฟื้นตัวจากเดิมและจะส่งผลให้กำลังซื้อส่งสัญญาณบวก แม้ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ก็ตาม

สำหรับเทรนด์การเติบโตของสินค้าในอุตสาหกรรมขายตรงที่โดดเด่น คือ กลุ่มสุขภาพและความงาม ที่ถือเป็นกลุ่มธุรกิจดาวรุ่ง ที่ยังเติบโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพและความงามมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งการแข่งขันยังต้องมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกมาอย่างต่อเนื่องและต้องขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ โดยทุกวันนี้ ธุรกิจขายตรงได้เข้ามาเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ต้องการโอกาสในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และโอกาสในการประกอบอาชีพในธุรกิจอิสระมากขึ้น

ด้านแผนรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี สมาคม จะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจและขยายตลาดไปยัง 9 ประเทศในอาเซียนอีกด้วย ทั้งด้านการลงทุนตลอดจนนำอุตสาหกรรมขายตรงไทยเติบโตขึ้นให้ทัดเทียมนานาชาติ การเปิดเออีซีน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตในทิศทางบวกมากขึ้น และคาดว่าจะมีบริษัทขายตรงต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มสังเกตพบว่ามีบริษัทจากในประเทศอาเซียนเข้ามาสำรวจตลาดและทยอยยื่นจดทะเบียนบ้างแล้ว ขณะเดียวกันทางสมาคมมีแผนร่วมมือกับบริษัทขายตรงในอาเซียน จัดตั้งสมาพันธ์การขายตรงอาเซียน ขณะนี้ผ่านขั้นตอนของการลงนามความร่วมมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าปีนี้จะเห็นความชัดเจนมากขึ้น

นอกจากนี้ สมาคมได้เตรียมสานต่อนโยบายต่างๆ ให้เกิดความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเครือข่ายก้าวสู่สากลทั้งในเวทีประชาคมอาเซียนและของโลก โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ในการผลักดันให้ธุรกิจขายตรงของไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจขายตรงของอาเซียน โดยตัวเลขของสมาพันธ์ขายตรงโลก ตลาดอาเซียนเติบโตถึง10% ยังไม่นับประเทศอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้ง เทียบกับขายตรงโลกที่มีการขยายตัวเพียง5% ดังนั้นในปีนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ธุรกิจขายตรงจะเติบโตแบบก้าวกระโดด

ขณะที่นางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดขายตรงในปี 2559 ว่า ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจขายตรงเป็นธุรกิจที่ผู้คนให้ความสนใจและให้เป็นทางเลือกเพื่อประกอบอาชีพมากขึ้น อีกทั้งขายตรงสามารถตอบโจทย์คนต้องการสร้างรายได้ ดังนั้นไม่ว่าสถานการณ์ต่างๆจะเป็นอย่างไร ธุรกิจขายตรงยังคงเติบโตได้แน่นอน ส่วนกลยุทธ์ในปี 2559 นี้ บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรมและการออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ตามคอนเซ็ปต์การเป็นบริษัทผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ต่อต้านความเสื่อมชราอย่างต่อเนื่องต่อไป ประกอบกับใช้กลยุทธ์ด้านกิจกรรมการตลาดเข้ามาสนับสนุน เพื่อเป็นตัวดึงดูดคนทำธุรกิจและจูงใจนักธุรกิจของเราให้พัฒนาศักยภาพการทำงาน เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นการจัดโปรแกรมทริปท่องเที่ยวที่มีการตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น การจัดกิจกรรมเอ็กซ์โป รวมถึงโปรโมชันต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น

ส่วนนายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดขายตรงปีที่ผ่านมามีมูลค่า 6-7 หมื่นล้านบาท แต่หากเป็นยอดขายที่ไม่ได้หักส่วนลดสมาชิก จะมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 60% จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ 10 อันดับแรกที่สังกัดสมาคมการขายตรงไทย ทำให้ทิศทางการเติบโตจะไปในทางเดียวกันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดขายตรงน่าจะเติบโตด้วยเลขตัวเดียว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559