“ UAC ”รุกตลาด CLMV เตรียมปิดดีลโรงไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้าน   

18 ม.ค. 2560 | 03:52 น.
ยูเอซี โกลบอล เตรียมปิดดีลเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจโรงไฟฟ้าเมียนมา 20 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะในลาว 5 เมกะวัตต์ ไตรมาส 1/60 นี้ พร้อมส่งสัญญาณรายได้ปี 60 กลับมาเติบโต แตะระดับ 1,800 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ธุรกิจไบโอดีเซลฟื้นกลับ และธุรกิจพลังงาน

นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปี 2560 ว่า บริษัทฯยังคงเน้นการลงทุนในธุรกิจเดิมที่มีการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการขยายกำลังผลิตเพิ่ม และการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ทั้งปีไว้ที่ระดับ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีการขยายตลาดในกลุ่ม CLMV เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) กับรัฐบาลเมียนมาในไตรมาส 1/2560 ซึ่งคาดว่าจะมี PPA ในมือ 20 เมกะวัตต์ เบื้องต้นจะทยอยก่อสร้างเฟสแรก 10 เมกะวัตต์ คาดจะใช้เงินลงทุนราว 1,100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้เจรจาเพื่อขอกู้เงินจากสถาบันทางการเงินแล้ว ประเมินว่าโครงการดังกล่าวจะมีอัตราผลตอบแทน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15% และบริษัทกำลังจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการ โดยจะใช้เวลาการก่อสร้าง 2 ปี และสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ต้นปี 2562

ด้านการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะที่ สปป.ลาว ขนาดกำลังผลิต 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ 2-3 เมกะวัตต์ และส่วนที่เหลือจะใช้ภายในโรงงาน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 2560 โดยโครงการดังกล่าวพันธมิตรในสปป.ลาวได้สัมปทานบริหารขยะชุมชน

นายชัชพล  กล่าวเพิ่มว่า ในส่วนของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ภายใต้การบริหารการดำเนินงานของบริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอลส์ จำกัด (UAPC)  ที่ UAC ถือหุ้น 100% คาดว่าจะขยายกำลังผลิตโพลิเมอร์และลาเท็กซ์ เฟสที่ 2 อีก 10,000 ตันต่อปีแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2560 ส่งผลให้กำลังผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ตันต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมแผนนำ บริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอลส์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงต้นปี 2561 โดยแต่งตั้งบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อในการขยายกำลังการผลิตเคมีภัณฑ์อื่นๆ ให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการดำเนินกิจการต่อไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตั้งงบลงทุนเพื่อการขยายธุรกิจข้างต้นในช่วง 3 ปี (2560-2563) ไว้ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยใช้เงินลงทุนปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯและการออกหุ้นกู้ในส่วนที่เหลืออีก 500 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท