บล.KTBST มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้จะมีความผันผวน

09 ม.ค. 2560 | 03:30 น.
บล.KTBST มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (9-13 ม.ค.) ตลาดจะมีความผันผวน จากแรงขายทำกำไรที่เริ่มเข้ามามากขึ้นและแรงซื้อที่เริ่มลดลง หุ้นน่าสนใจยังเป็นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,550-1,580 จุด

ดร.วิน  อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (9-13 ม.ค.) ว่า รายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ตัวเลขหลัก คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม ที่เพิ่มขึ้น 1.56 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่ถือว่ายังคงเพิ่มขึ้นและส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นน้อยมาจากการปรับตัวเลขในอดีต อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานรายชั่วโมง ขยับจาก $25.90 เป็น $26.00 เหรียญ/ชั่วโมง เป็นตัวที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยตีความว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นซึ่ง (จริงๆแล้วตัวเลขนี้ เพิ่มขึ้นมาหลายเดือนติดต่อกันแล้ว) เป็นสัญญาณของเงินเฟ้อและการปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลที่ตามมา คือค่าเงินดอลล่าร์ ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นด้วย แม้สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯยังดำเนินต่อไป แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี รวมๆแล้ว ยังคงเป็นบวกกับตลาดหุ้นอื่นๆ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจประเทศอื่นๆอาจดีตามไปด้วย ผ่านทางการสั่งซื้อสินค้าที่มากขึ้น และค่าเงินที่อ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตามรายงานของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ออกคำสั่งแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน และนายทรัมป์เอง เริ่มนำนโยบายการค้าต่างประเทศมาพูดขู่จีนในเรื่องมาตรการด้านภาษี และการตั้งโรงงานของบริษัทรถยนต์โตโยต้าของญี่ปุ่นในประเทศเม็กซิโก เรามองประเด็นการค้าฯ ว่าอาจมีผลต่อหุ้นที่อิงส่งออกของไทย หากสัปดาห์นี้ มีการพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมัน จะยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย ราคาน้ำมันดิบ WTI มีแนวโน้มขึ้นไปซื้อขายในกรอบ $55 -57 เหรียญในสัปดาห์นี้ หลังนักลงทุนตอบรับต่อการทยอยปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมัน ทั้งนี้ ผู้ผลิตน้ำมัน จะมีการประชุมอีกครั้ง 20-21 ม.ค.เพื่อกำกับและติดตามผลการปรับลดการผลิตน้ำมันตามที่เคยตกลงกันไว้ สัปดาห์นี้ ต้องมาจับตาดู stock น้ำมันดิบสหรัฐฯและการใช้แท่นผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะ2 ตัวแปรนี้ จะทำให้ราคาน้ำมันดิบผันผวนได้  ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ไม่ใช่น้ำมัน ราคาเริ่มชะลอการสูงขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องเริ่มปรับตัวลงหลังดีดตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับราคาสินค้าเกษตร 2 ตัว คือ ยางพาราและปาล์มน้ำมัน คาดจะดีดตัวขึ้นหลังเกิดภาวะน้ำท่วมภาคใต้ของไทย ทีกินวงกว้างถึง 531,876 ไร่ปฎิทินเศรษฐกิจต่างประเทศ สัปดาห์นี้มีน้อยที่สำคัญจะเป็นการรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ เดือน ธ.ค. ของจีน ในวันศุกร์ (13 ม.ค.)

ดังนั้นปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้ น่าจะเริ่มมีการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/59 โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะรายงานก่อนกลุ่มอื่น นอกจากนี้ การประชุม ครม. หากมีมาตรการสำคัญๆ ด้านเศรษฐกิจออกมา จะมีผลต่อตลาดหุ้นด้วย  นักลงทุนต่างประเทศ ที่ซื้อติดต่อกัน 5 วัน มียอดซื้อสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท จะเป็นแรงพยุงดัชนีฯ ขณะที่แรงขายทำกำไรของกองทุนฯ ในประเทศน่าจะเริ่มมากขึ้น

"ทิศทางตลาดหุ้นไทย ภาพรวมทั้งสัปดาห์ เรามองว่าจะเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามามากขึ้น และวันนี้ ตลาดน่าจะผันผวนเช่นกัน แรงซื้อจะลดลง หลัง SET Index ขึ้นมาเกือบ 5% โดยแทบไม่ได้หยุดพัก ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ มองแรงซื้อจะเริ่มกระจุกตัว ทั้งที่เป็น sector และหุ้นกันมากขึ้น ไม่กระจายไปเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ยกเว้นมีปัจจัยใหม่ๆในระหว่างสัปดาห์ หุ้นที่เราให้ความสนใจจะยังเป็นหุ้นตัวหลักๆ ที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อ และหุ้นที่เป็น Laggard และหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี บางตัว ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น PTTEP , BBL ,SCC , BANPU , GFPT , PSH , PTL มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,550-1,580 จุด"