“บัฟเฟตต์-มังเกอร์” สนั่นโลก​ ใครว่า... แก่หมดความหมาย

06 พ.ค. 2564 | 01:00 น.

“บัฟเฟตต์-มังเกอร์” สนั่นโลก​ใครว่า... แก่หมดความหมาย “2 ปู่” ผู้สร้าง “Berkshire Hathaway”

 

การประชุมประจำปีของบริษัท Berkshire Hathaway ที่เพิ่งจบสิ้นลงไปเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาประเทศไทยนับเป็นการประชุมที่น่าจะมีบรรดาฟันด์ เมเนเจอร์ นักการเงิน นายธนาคาร นักลงทุนตัวเล็กตัวน้อย ยันตัวใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิก นับแสนนับล้านคน “Berkshire Hathaway” บริษัทชั้นนำของโลกที่มีกิจการในเครือมากถึง 90 กิจการ ตั้งแต่ธุรกิจประกันภัยไปจนถึงเครือข่ายทางรถไฟที่มีมูลค่ามหาศาล ภายใต้การนำของ “คุณลุง 2 คน” อายุรวมกัน 189 ปี

Warren Buffett : ปู่วอร์เร็น บัฟเฟตต์ อายุ 91 ปี นักลงทุนในตลาดหุ้นที่เข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ตั้งกองทุนของตัวเองขึ้นมาในวัย 26-27 ปี จนปัจจุบันเป็นตราสัญลักษณ์ของอัครมหาเศรษฐีล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับให้นายบัฟเฟตต์ เป็นผู้ที่ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ตามหลังนายเจฟฟ์ เบซอส, นายอีลอน มัสก์, เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ และนายบิล เกตส์

CHARLIE MUNGER : ปู่ชาร์ลี มังเกอร์ อายุ 98 ปี นักลงทุนผู้ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับความผิดพลาด ปู่ชาร์ลีนับเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนของกูรูด้านการลงทุนคู่หูของปู่บัฟเฟตต์ที่ร่วมกันบริหารพอร์ตลงทุนในบริษัท Berkshire Hathaway

ประสบการณ์การลงทุนอันยาวนานและความสำเร็จที่จับต้องได้ของ “2 ปู่ผู้ยิ่งใหญ่” ทำให้พวกเขาได้รับการยอมรับในฐานะ “นักลงทุนหุ้นที่เก่งที่สุดในโลก”

ปู่บัฟเฟตต์ & ปู่ชาร์ลี ถือเป็นเอกบุรุษที่พูดแล้วโลกผันผวน ตลาดเงิน ตลาดทองคำ ตลาดตราสารหนี้ต้องฟัง ปู่ทั้ง 2 คน ที่สร้างบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ จนมีราคาหุ้นละ 10 ล้านบาทเศษ

Warren Buffett & CHARLIE MUNGER นับได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในการตัดสินใจลงทุนของโลก คำพูด 1 คำ ของ 2 ปู่รุ่นเดอะไม่เพียงสะท้านไปทั้งอเมริกา แต่หมายรวมถึงโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป เอเชีย ยันจีนแผ่นดินใหญ่ อย่าว่าแต่พี่ไทยที่ตัวเท่าหมด

2 ปู่ผู้ยังซู่ซ่า ล้วนแล้วแต่ไม่พิศมัยการลงทุนในคริปโตเคอร์แรนซี่ โดยเฉพาะ “บิตคอยน์” ที่คนรุ่นใหม่มีรสนิยมอันวิไลย์

แต่ 2 ปู่รุ่นเดอะเคยบอกว่า ไม่คิดว่า “Bitcoin” จะกลายมาเป็นสื่อกลางในการใช้จ่ายเงินบนโลกใบนี้ได้ ราคามันผันผวนเกินไปที่จะทำหน้าที่นั้นได้

ในงานประชุมผู้ถือหุ้นรอบนี้ ปู่ชาร์ลี มังเกอร์ วัย 97 ปี รองประธาน มือลงทุนคู่หูปู่บัฟเฟตต์ ตอบคำถามนักลงทุนในเรื่องบิตคอยน์อีกรอบด้วยท่วงทำนองบ้านเราแบบไม่เผาผีว่า “Of course I hate the Bitcoin success,I don’t welcome a currency that’s so useful to kidnappers and extortionist and so forth.”

“แน่นอนว่า ผมเกลียดความสำเร็จของบิตคอยน์ ผมไม่มีวันยอมรับสกุลเงินเถื่อนที่โจรนักเรียกค่าไถ่ใช้กัน”

ขณะที่มหาเศรษฐีนักลงทุนระดับเซียน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็บอกว่า ไม่มีคำพูดเกี่ยวกับบิตคอยน์ แต่เห็นด้วยกับปู่ชาร์ลี ก่อนจะถล่มการสนับสนุนแพลตฟอร์มการซื้อขายหุ้นที่อนุญาตให้ผู้คนซื้อและขายหุ้นได้ฟรี เช่น Robinhood เป็นเพียงการสนับสนุนการพนันเท่านั้น

ปู่เชื่อมั่นว่าการผลิตที่แท้จริงคือการสร้างความมั่งคั่งให้ผู้คน “คนส่วนใหญ่จะมีฐานะดีขึ้นด้วยการเป็นเจ้าของกองทุนดัชนี S&P 500 แทนที่จะเดิมพันหุ้นเป็นรายตัวไป”

นักลงทุนมือใหม่หลายคนที่เข้ามาในตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ และผลักดันมูลค่าของ GameStop

ผู้ค้าปลีกวิดีโอเกมจนราคาวิรงทะลุฟ้า คนเหล่านี้ล้่วนเป็นพวกนักพนัน

แนวคิดของบัฟเฟตต์กับปู่ชาร์ลี มังเกอร์ สอดคล้องกันชัดเจน มังเกอร์บอกว่า “การลงทุนหลังจากนี้นับวันจะยากยิ่งขึ้น คนรุ่นใหม่ในยุคนี้จะรวยได้ยากกว่ารุ่นเราสมัยหนุ่มๆ ขณะที่อัตราดิกเบี้ยต่ำจะเป็นตุวปลักให้หุ้นราคาแพงมาก”

ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์สะท้อนภาพเศรษฐกิจมหาภาคคือการที่เงินเฟ้อพุ่งมาแบบรุนแรงจากกำลังซื้อพุ่งขึ้น ภายหลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบจากโควิด 
 
“เงินเฟ้อกำลังพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พวกเรากำลังผลักดันให้ราคาสินค้าต่างๆ พุ่งขึ้น และมันกำลังกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้คนต่างยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นจนเกือบบ้าคลั่ง” 

ปู่บัฟเฟตต์ทำนายว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยับออกจากโซนการระบาด และการฟื้นตัวที่เร็วกว่าที่คาดไว้ จากมาตรการช่วยเหลือที่รวดเร็วและเด็ดขาดของธนาคารกลางสหรัฐและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจ 85% เข้าสู่ระดับเกียร์สูงมาก

การชี้แจงของ 2 ปู่ซู่ซ่า ที่คนนับแสนนับล้านเกาะติดการชี้แจงแบบสดๆและเปิดให้นักลงทุนซักถามแบบสบายๆ ตลอดวันเสาร์ในอเมริกาตรงกับวันอาทิตย์ในประเทศไทย มีนัยหลายอย่างที่นักลงทุนไทยควรทำการศึกษา

ประเด็นแรกคือ ผลตอบแทนจากการลงทุนของ “Berkshire Hathaway” ที่เข้าไปลงทุนในกิจการต่างๆที่เห็นว่าเป็นโอกาสนั้น แม้จะเผชิญวิกฤตโควิดระบาดแต่ปรากฎว่าบวกขึ้นมาจากเดิม 18%

ประเด็นที่สอง ธุรกิจที่คุณปู่บัฟเฟตต์บอกชัดว่า “Berkshire Hathaway” เข้าไปลงทุนแล้วให้ผลตอบแทนที่ดีสะท้อนถึงอนาคตที่ดี คือ 1.กลุ่มธํรกิจประกัน 2.ธุรกิจขนส่ง 3.สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 4.ธุรกิจค้าปลีก 5.ธุรกิจการผลิตหลักกำลังจะเริ่มกลับมาหลังโควิด

ประเด็นที่สาม ปู่บัฟเฟตต์ที่คุมบังเหียน“Berkshire Hathaway” บอกว่า มีกำไรจากการดำเนินงาน 2.2 แสนล้านบาท และได้ตุนเงินสดอยู่ในมือเพื่อรองรับการลงทุนในปีนี้รวม 1.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าเอา 30 บาทคูณไปก็ไม่น้อยกว่า 4.35 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจัดทำและผลักดันเข้าสภา

ส่วนไตรมาสแรกนั้นปรากฎว่า สามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน 7,018 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 20% 

ประเด็นที่สี่ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่เจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ในเมืองไทยพึงพิจารณาคือประกาศว่าจะจัดสรรเงินไว้เพื่อรองรับการรับซื้อหุ้นคืน เพื่อทำให้การบริหาร การตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งขององค์กรกระชับและยืนยันว่าเจ้าของไม่ทิ้งหุ้นหุ้นตัวเอง ทำให้หุ้นมีคุณค่า

ทั้งนี้ถ้าตรวจสอบย้อนหลังไปในข่าวพบว่าปี 2563  ได้ซื้อหุ้นคืนทั้งสิ้น 2.48 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าจำนวนมหาศาลมาก แต่ในปี 2564 ปู่ปัฟเฟ่ต์ประกาศว่าจะรับซ์้อหุ้นคืนแค่ 6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

และที่ผู้คนตื่นเต้นกันมาก คือการที่นักลงทุนรายหนึ่งถามไปว่าขณะนี้การเปลี่ยนแปลงของตลาดซับซ้อนมากขุึ้น การจัดการการตัดสินของบริษัท Berkshire Hathaway จะเป็นอย่างไร คุณปู่ CHARLIE MUNGER วัย 98 ปี หลุดออกไปว่า ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป Greg Abel จะคงวัฒนธรรม ของเบิร์กเชียร์ไว้เหมือนเดิม

หลังจากนั้นปู่บัฟเฟตต์ก็ออกมาย้ำอีกครั้งว่า “ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับเราทั้งคู่ Greg จะเป็นคนรับช่วงต่อจากพวกเรา และบริษัท Berkshire Hathaway ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิม”

เรื่องราวของเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ จึงสนั่นลั่นทุ่งไปทั้งโลกว่า “ปู่บัฟเฟตต์-ปู่มังเกอร์”  วางมือ

ส่วนคนจะมารับไม้ต่อในฐานะซีอีโอคุมอาณาจักร เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์คือ “เกร็ก อาเบล” รองประธานฝ่าย non-insurance ที่ขึ้นเวทีชี้แจงกับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เมื่อปีก่อนนั่นเอง

เรื่องของคนแก่….วอร์เรน บัฟเฟตต์ วางมือจากเบิร์กเชียร์ฮาธาเวย์ จึงสะท้านโลก...