ไทยพร้อมใช้ความตกลงการค้าบริการ ฉบับใหม่ของอาเซียน

08 เม.ย. 2564 | 04:33 น.

พาณิชย์ เผย ไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ดำเนินการให้สัตยาบันความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ของอาเซียน หรือ ATISA แล้ว มีผลใช้บังคับ 5 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที    

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประเทศสมาชิกอาเซียนลงนามความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement: ATISA) ครบทั้ง 10 ประเทศ เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ล่าสุด ไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศแรก (ร่วมกับสิงคโปร์) ที่ได้ให้สัตยาบันความตกลงฯ เพื่อให้มีผลใช้บังคับตามกำหนดของความตกลงฯ คือ วันที่ 5 เมษายน 2564 โดยอาเซียนจะใช้ความตกลง ATISA แทนกรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน หรือ AFAS (ASEAN Framework Agreement on Services) ที่จัดทำมาตั้งแต่ปี 2538

ไทยพร้อมใช้ความตกลงการค้าบริการ  ฉบับใหม่ของอาเซียน
ทั้งนี้ความตกลง ATISA เป็นการปรับปรุงกฎเกณฑ์ด้านการค้าบริการของอาเซียนให้มีความทันสมัย มีการยกระดับมาตรฐานต่าง ๆ ในการค้าบริการของอาเซียน อาทิ การให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมกับผู้ให้บริการอาเซียน หากประเทศสมาชิกมีการขยายสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มเติมในความตกลงอื่น ๆ ในอนาคต (Automatic MFN) กฎเกณฑ์ด้านความโปร่งใสในการใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการค้าบริการ การกำหนดให้มีการเผยแพร่กฎระเบียบต่าง ๆ ต่อสาธารณะ และการเปลี่ยนรูปแบบข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการให้เป็นมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณี (Negative List)

 

   ประเทศสมาชิกอาเซียนจะเริ่มดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดทำข้อผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการเป็นแบบการจัดทำรายการข้อสงวนรายการมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีให้แล้วเสร็จภายใน 7 ปี โดยยังคงรักษาระดับการเปิดตลาดการค้าบริการให้สอดคล้องกับระดับปัจจุบัน หรือข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของอาเซียน ชุดที่ 10 ไปพลางก่อน

 

 

นางอรมน เสริมว่า การมีผลใช้บังคับของความตกลง ATISA เป็นความคืบหน้าที่สำคัญของอาเซียนภายใต้เป้าหมายการยกระดับความร่วมมือและการรวมตัวในภาคบริการที่กว้างขึ้นและลึกขึ้น ตามแผนงานประชาเศรษฐกิจอาเซียนปี 2568 (AEC Blueprint 2025) ความตกลง ATISA จึงเป็นความตกลงด้านการค้าบริการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ให้บริการและนักลงทุนของไทยและสมาชิกอาเซียน ส่งเสริมบรรยากาศการค้าบริการที่สามารถคาดการณ์ได้ จึงเป็นการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ บริการด้านสุขภาพ บริการด้านการท่องเที่ยวและที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง บริการด้านก่อสร้าง บริการด้านการจัดประชุม และการจัดนิทรรศการ หรือ MICE เป็นต้น