หวั่นซ้ำรอยโฮปเวลล์ "ค่าโง่" ถุงมือยางแสนล.

23 ต.ค. 2563 | 07:40 น.

กมธ.สาวปมถุงมือยางแสนล้าน เรียก ปปง. หวัง ดึงเงิน 2 พันล้าน คืนคลังหลวง ผวารัฐเสียค่าโง่ซ้ำรอยค่าโฮปเวลล์ ด้าน “การ์เดียนโกลฟส์” แจ้งความ อคส.เบี้ยวสัญญา “เคเค ออยล์แอนด์แก๊ส” แนะทำสัญญาใหม่ให้ถูกต้อง

กรณีองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางล่วงหน้ากับบริษัทเอกชน 7 ราย จำนวน 826 ล้านกล่อง มูลค่า 186,100 ล้านบาท (กราฟิกประกอบ) โดยพ.ต.อ.รุ่งโรจน์  พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อคส.ได้เป็นผู้ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างผ่านบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด (500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท) ส่อเกิดการทุจริต ทำให้อคส.ได้รับความเสียหายนั้น เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ตัวแทนจาก 7 บริษัทได้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์ และทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียด ที่อาคารรัฐสภา ในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้สังคมได้ประจักษ์ต่อไปนั้น

 

หวั่นเสียค่าโง่ซ้ำโฮปเวลล์

 

อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์

 

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ เลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.) และโฆษกคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร เผยกับ ฐานเศรษฐกิจว่า ถัดจากนี้ในวันที่ 21 ตุลาคม ทางกมธ. จะเชิญกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ,สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สำนักงานอัยการสูงสุด เข้ามาเพื่อสอบถามถึงการดำเนินคดีที่ทางผู้อำนวยการ อคส. ได้ไปแจ้งความกับดีเอสไอเพื่อดำเนินคดีแล้ว ในส่วน กมธ.จะมาติดตามไทม์ไลน์ว่าจะชี้มูลเมื่อไร

 

"ปปง." จะมีการอายัดเงิน 2,000 ล้านบาทที่จ่ายล่วงหน้าไปแล้วคืนกลับมาได้หรือไม่  และจะสอบถามสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะทนายแผ่นดินว่ามีความเห็นว่าอย่างไรหากจะยกเลิกสัญญา รัฐจะถูกฟ้องกลับ หรือ รัฐจะเสียเปรียบได้เปรียบอย่างไร จะเสีย ค่าโง่ซ้ำรอยโครงการโฮปเวลล์ หรือไม่ เพราะสัญญานี้มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท คนที่เซ็นสัญญาก็อ้างว่ามีอำนาจตามพระราชกฎษฎีกาการจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ. 2498 มาตรา 26 

 

ตอนนี้เราคิดไปเองว่าเราถูกเพราะไปยกเลิกสัญญา ตามที่ ผอ.อคส.แจ้ง แต่ก็มีข้อมูลใหม่ว่า อดีตรักษาการผอ. อคส.ให้ข้อมูลว่านายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส.ก็ทราบเรื่อง ข้อมูลก็ยังแย้งกันอยู่ เพราะประธานบอร์ดมาชี้แจงก่อนหน้านี้ว่าไม่ทราบเรื่อง เรื่องนี้คงต้องให้ทางดีเอสไอสอบสวน

 

หวั่นซ้ำรอยโฮปเวลล์ "ค่าโง่" ถุงมือยางแสนล.

 

อย่างไรก็ดี หากเป็นเรื่องทุจริตจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เพราะมี “เงินหลวง” หลุดไป 2,000 ล้านบาท แต่ถ้าไม่ทุจริตจะทำอย่างไรเพื่อให้รัฐสูญเสียให้น้อยที่สุด ซึ่งตนกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้นสังกัดของอคส. อยู่พรรคเดียวกันก็ไม่หนักใจ โดย นายจุรินทร์ ขอให้ กมธ.ตรวจสอบเต็มที่ อยากให้กระจ่างเช่นเดียวกัน และให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ได้มีการผลักดันให้ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


 

รุ่งโรจน์ยันไม่ทุจริต

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์

 

ด้าน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการคลังสินค้าหรือ อคส.  ชี้แจงใน กมธ. (14 ต.ค.) ถึงสาเหตุที่โครงการนี้ไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ด อคส. โดยระบุว่า จากเป็นเรื่องเร่งด่วน จึงได้ออกหนังสือเวียนเพื่อขอมติจากคณะกรรมการ (บอร์ด)แต่ละคนแทน และยังได้จัดทำร่างสัญญาซื้อขายอย่างถูกต้อง โดยยกร่างจากตัวอย่างสัญญาซื้อขายข้าวสารที่เคยผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการวิเคราะห์การลงทุน ตรวจรับสินค้า การจ่ายสินค้าให้กับผู้ซื้อ และจัดทำรายงานการรับจ่ายสินค้า เพื่อให้มีการบันทึกบัญชีซื้อขายอย่างถูกต้องด้วย มั่นใจว่ามีผู้ซื้อชัดเจนตรวจสอบได้

 

ถ้าหากผมจะผิด ก็ผิดตรงที่เพราะผมบกพร่อง แต่ไม่มีทุจริตแน่นอน ผมทำเพื่อให้องค์กรมีกำไรไม่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง 5 ปี ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ การยางแห่งประเทศ ไทย (กยท.) เร่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นฮับถุงมือยางของโลกโดยใช้โมเดล เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดรุกตลาดถุงมือยาง ซึ่งเราเป็นผู้ผลิตน้ำยางข้นส่งออกอันดับ 1 ของโลก จึงไม่ควรปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปพ.ต.อ. รุ่งโรจน์ กล่าวยกเหตุผล

 

นอกจากนี้ยังระบุถึง สาเหตุที่มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ตนไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ใช่เหตุผลที่มาจากเรื่องการซื้อขายถุงมือยาง แต่เป็นเรื่อง จำนำข้าว ที่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้เปิดคลังกลางเอาข้าวมาตรวจสอบคุณภาพ แต่ตนไม่มีคำสั่งให้เปิด แต่ไม่ทราบมีใครไปเปิดคลังแล้วเอาข้าวไปตรวจสอบ เมื่อตรวจแล้วปรากฏเป็นข้าวเสีย ต้องขายเป็นอาหารสัตว์ แต่เจ้าของคลังอ้างเป็นข้าวคุณภาพดีคนกินได้ และไม่ยอมเปิดคลังให้นำข้าวไปขาย เพราะเกรงต้องชดใช้ค่าเสียหายจากข้าวเสื่อมคุณภาพ เวลานี้เรื่องยังอยู่ระหว่างต่างฝ่ายต่างฟ้องร้องกัน

 

คู่สัญญาขู่ฟ้อง อคส.

ดร.ไพโรจน์ ตั้งอาษาศิลป์

 

ดร.ไพโรจน์ ตั้งอาษาศิลป์ ผู้บริหาร บริษัท เคเค. ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด หนึ่งในคู่สัญญาถุงมือยาง อคส. กล่าวว่า วันนี้ อคส. จะกลัวอะไรกับกรณีของ บริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด ที่กำลังฟ้องร้องกันเป็นคดีความ ซึ่งอยากถามผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ความผิดเบ็ดเสร็จได้เกิดขึ้นจริงแล้วหรือยัง ตอบเลยว่ายังไม่เกิด แต่เป็นคดีความที่ทำให้ลูกค้าในต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นว่าจะได้รับสินค้าหรือไม่

 

ทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น มองว่ายังมีทางแก้ไขคือต้องเชิญ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ ที่ได้เงินมัดจำค่าสินค้าไป 2,000 ล้านบาท มาทำข้อตกลงกันใหม่ให้ถูกต้องกับ อคส. เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว จะเกิดความเสียหายต่อรัฐและบริษัทเอกชนที่มาซื้อถุงมือยางด้วยเจตนาบริสุทธิ์และพร้อมปฏิบัติตามสัญญา หากไม่แล้วนั้นพวกเราซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้อง อคส. ได้เช่นกัน  ล่าสุด การ์เดียน โกลฟส์ ได้ไปแจ้งความแล้ว เรื่อง อคส.ไม่ยอมรับมอบสินค้าตามสัญญา

 

 

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,620 วันที่ 22-24 ตุลาคม พ.ศ. 2563