“ส.อ.ท.” ยกระดับความปลอดภัยผู้บริโภคด้วยบาร์โค้ด 2 มิติ

22 ต.ค. 2563 | 08:35 น.

“ส.อ.ท.” ยกระดับความปลอดภัยผู้บริโภคด้วยบาร์โค้ด 2 มิติ รองรับอุตสาหกรรมค้าปลีก เฮลท์แคร์ ขนส่งและโลจิสติกส์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ได้ดำเนินการนำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ มาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค เพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและการบริการ ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ GS1 Thailand อยู่ภายใต้ ส.อ.ท. มีภารกิจหลักในการเป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ประจำประเทศไทย ทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาการประยุกต์ใช้บาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ในระบบซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ตลอดจนระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าในภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ส.อ.ท.” ยกระดับความปลอดภัยผู้บริโภคด้วยบาร์โค้ด 2 มิติ

“ล่าสุดมีการประชุมใหญ่ภายใต้หัวข้อ “GS1 Cares” มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานและยุทธศาสตร์ Service Organization ของ ส.อ.ท. ที่มุ่งยกระดับเอสเอ็มอี (SMEs) และภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก”

นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธาน ส.อ.ท. และประธานคณะกรรมการสถาบันรหัสสากล กล่าวว่า บาร์โค้ดมาตรฐาน GS1 ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการซื้อขายหรือนำสินค้าเข้าห้างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่สามารถดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคตลอดจนซัพพลายเชนทั้งหมดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ซึ่งเป็นบาร์โค้ดขนาดเล็กที่สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมาก เช่น หมายเลข Batch / Lot หมายเลขซีเรียล วันที่ควรบริโภคก่อนวันหมดอายุ

ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับที่มาของสินค้า ช่วยในเรื่องของความปลอดภัยสินค้า ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต โดยถูกนำมาใช้มากขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก เฮลท์แคร์ การขนส่งและโลจิสติกส์ ช่วยให้สามารถระบุบ่งชี้สินค้าได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สถาบันฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็น จึงได้มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติ

และมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับ ( Traceability) ที่ทั่วโลกต่างเห็นความสำคัญมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน พร้อมกับตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและตลาดโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และเตรียมความพร้อมของธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก