“บีทีเอส” ให้ถ้อยคำ”ศาล” รื้อTOR สีส้ม เกิดปมเสียเปรียบ  

14 ต.ค. 2563 | 08:07 น.

ศาลปกครองไต่สวนนัดแรก รฟม.-บีทีเอส ปมเปลี่ยนทีโออาร์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 2ฝ่ายมั่นใจข้อมูล บีทีเอส ยันเปลี่ยนหลักเกณฑ์หลังปิดการขายซองประมูลไปแล้วทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ด้านรฟม. เชื่อยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการละเมิดบีทีเอส

 

 

 

 

 

 

วันนี้ ( 14 ต.ค.) ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนในคดีที่บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562  โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ มีนบุรี (สุวินทวงศ์ ) และพวกรวม 2 คน  ขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทีโออาร์โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ให้นำข้อเสนอทางด้านเทคนิคมาให้คะแนนควบคู่กับข้อเสนอด้านราคา หลังจากที่มีการปิดการขายซองประมูลไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่าก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกับเอกชนบางราย พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับการเปิดรับข้อเสนอของเอกชนในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

 

ในการไต่สวนครั้งนี้นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส และนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อศาลด้วยตนเอง ซึ่งหลังการไต่สวนนาน 2 ชั่วโมงเศษ นายภคพงศ์  กล่าวว่า ในการไต่สวนทางรฟม.ก็ได้ส่งคำคัดค้าน คำร้อง โดยยืนยันว่าการดำเนินการของรฟม . และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดใดๆกับบีทีเอส และเราก็ดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยศาลรับคำร้องทั้งหมดไว้พิจารณา และเชื่อว่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงสัปดาห์หน้า

 

 

 

เมื่อถามว่า ได้มีการเตรียมการอย่างไรหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายภคพงศ์ กล่าวว่า ไม่มีการเตรียมการใดๆ เพราะเรามั่นใจว่าศาลไม่น่าจะมีการคุ้มครอง จากนี้ศาลก็คงนำคำชี้แจงของทั้ง รฟม. และบีทีเอสไปพิจารณา ถ้าเห็นว่าเพียงพอก็คงไม่มีการขอไต่สวนเพิ่มเติม แต่ถ้ายังขาดข้อมูลบางอย่างก็อาจจะเรียกไต่สวนเพิ่ม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

 

 

 

 

 

 

 

ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ก็คงต้องรอผลการพิจารณาคดีของศาล ไม่แน่ใจว่าจะมีคำพิพากษาภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ ส่วนจะมีคำพิพากษาทันวันยื่นข้อเสนอหรือไม่นั้น ก็ได้ยินว่ากระบวนการน่าจะเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้มองว่าการปรับหลักเกณฑ์จากเดิมพิจารณาข้อเสนอด้านราคา 100 คะแนน เป็นพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค 30 คะแนน และด้านราคา 70 คะแนน อาจทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ โดยมีการใช้ดุลยพินิจซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูก เพราะมีมติครม.ไปแล้วว่าวิธีการประเมินเป็นอย่างไร

 

 

 

 

 

เมื่อถามว่าตอนนี้มีความมั่นใจหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องมั่นใจ และเมื่อถามต่อว่าหากในอนาคตต้องมีการประมูลกันใหม่ในโครงการดังกล่าว ทางบีทีเอสจะเข้าร่วมอีกหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า โดยหลักการก็ถือว่าพร้อม แต่ก็ต้องขอดูทีโออาร์ ที่จะออกมาด้วย เมื่อถามว่ากรณี รฟม.บอกว่า บีทีเอส ยังไม่ใช่ผู้เสียหายเพราะยังไม่ได้ให้มีการยื่นซองนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เราก็ชี้แจงไปแล้ว ก็ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล

รวมถึงการศึกษาของ รฟม.เอง ซึ่งคงจะต้องเป็นไปตามนั้น แต่เสร็จแล้วมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากที่ปิดการขายซองประมูลไปแล้ว คล้ายๆกับว่ารู้อยู่แล้ว่าใครบ้างที่จะมีสิทธิเข้ามายื่นได้ ซึ่งมองว่าการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ต้องส่งให้ครม.พิจารณาอีกรอบก่อน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ก็ได้ชี้แจงต่อศาลไปแล้ว และมีการขอให้ศาลยกเลิกการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กลับมาใช้หลักเกณฑ์เดิม และขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย แต่ในคำฟ้องยังไม่มีการเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด และถ้าศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองก็ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมประมูลในวันที่ 9 พ.ย.ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ