“บีซีพีจี” เดินหน้าโครงการสร้างสายส่ง 220 กิโลโวลต์ในลาวขายไฟให้เวียดนาม

24 ก.ย. 2563 | 07:25 น.

“บีซีพีจี” เดินหน้าโครงการสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 220 กิโลโวลต์ รองรับกำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าได้ถึง 500 เมกะวัตต์

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 220 กิโลโวลต์ สามารถรองรับกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 500 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้โครงการสายส่งไฟฟ้าดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นช่องทางขายไฟจาก สปป. ลาว ไปยังเวียดนามได้ตามแผนที่วางไว้               

              ทั้งนี้  โครงการดังกล่าวเป็นความต่อเนื่องจากการที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B กำลังผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ในเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าลาว (EDL) และได้ลงนามในสัญญาขายไฟให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เป็นเวลา 25 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2565

“บีซีพีจี” เดินหน้าโครงการสร้างสายส่ง 220 กิโลโวลต์ในลาวขายไฟให้เวียดนาม

สำหรับโครงการสายส่งไฟฟ้าดังกล่าวนั้น นอกจากจะใช้ในการส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ของบีซีพีจีไปยังประเทศเวียดนาม ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับการไฟฟ้าเวียดนามซึ่งการไฟฟ้าเวียดนามจะมีการรับประกันการรับซื้อไฟในรูปแบบ Take-or-Pay และมีการรับชำระค่าไฟฟ้าในสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ แล้ว

โครงการสายส่งฯ ยังมีศักยภาพในการรองรับโครงการโรงไฟฟ้าโครงการอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงได้อีก ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจการให้บริการสายส่งของบีซีพีจีในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ชาติของ สปป. ลาว ในการเป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชีย และช่วยสร้างรายได้ให้ สปป. ลาว อีกทางหนึ่งด้วย

“บีซีพีจีมีการวางแผน การดำเนินการ และการประเมินความเสี่ยง ในทุกโครงการที่ลงทุนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนตลอดมา โครงการนี้ก็เช่นเดียวกัน เราเข้าไปลงทุนใน สปป. ลาว สอดคล้องกับจุดเด่นและยุทธศาสตร์ของ สปป.ลาว ในการเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าของเอเชีย ขณะที่เรามองความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศเวียดนามจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ โครงการผลิตไฟฟ้าใน สปป. ลาว เพื่อขายไฟไปยังเวียดนาม จึงเป็นหนึ่งในการดำเนินโครงการที่ทำให้สามารถเพิ่มเสถียรภาพด้านรายได้ และเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนให้กับบริษัทฯ อย่างยั่งยืน”