จับตาส่งออก 3 แสนตัน เอื้อน้ำมันเถื่อน
ราคาปาล์มพุ่งโลละ 4.80 บาท สวนสต๊อกซีพีโอท่วมประเทศกว่า 6.5 แสนตัน เกษตรกรชี้ผลพวงผลผลิตมีน้อย ฟันธงสัปดาห์หน้าขึ้น 5 บาทต่อกก. โวยรัฐใช้งบ คชก.กว่า 600 ล้านดันส่งออก 3 แสนตัน ผิดวัตถุประสงค์กองทุน จับตาน้ำมันเพื่อนบ้านทะลักสวมสิทธิ์
ที่ประชุมคณะรัฐ มนตรี (วันที่ 8 ก.ย. 63) เห็นชอบโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 3 แสนตัน เพื่อลดปริมาณน้ำมันส่วนเกินในประเทศและเป็นการระบายสต๊อกของรัฐบาล โดยให้กระทรวงพาณิชย์ใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) 618 ล้านบาท สนับ สนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เช่น ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บ และรักษาคุณภาพ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในอัตราไม่เกิน 2 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) น้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ให้แก่ผู้ส่งออกน้ำมันปาล์ม ล่าสุดสถานการณ์ปาล์มมีความเคลื่อนไหวเรื่องราคาในทิศทางที่ดีขึ้น
นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ราคาผลปาล์ม ณ วันที่ 17 กันยายน 2563 อยู่ที่ 4.80 บาทต่อกก. คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 5 บาท ต่อกก. ปัจจัยหลักจากผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรมีน้อย เนื่องจากไม่ทราบว่ารัฐบาลจะมีการต่อโครงการประกันรายได้ยาวไปถึงสิ้นปี 2563 ทำให้ไม่ได้มีการใส่ปุ๋ยบำรุง ผลผลิตปาล์มจึงไม่ดี
“จากที่ ครม.มีมติให้ผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม ตั้งข้อสังเกตว่าส่วนหนึ่งจะมีการลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์ส่งออก เพราะในประเทศผลผลิตไม่เพียงพออยู่แล้ว ตั้งแต่มีการณรงค์การใช้บี10 ประกอบกับภัยแล้ง และราคาปาล์มตกต่ำในช่วง 3-5 ปี ผลผลิตของเกษตรกรลดลง และไม่มีเงินที่จะบำรุงต้นปาล์ม วันนี้นโยบายดันส่งออกไม่ถูกใจเกษตรกร มองว่าจะเอื้อต่อน้ำมันลักลอบจากเพื่อนบ้านเข้ามา แล้วทำไมรัฐจะต้องเสียเงินส่งออกให้ด้วย”
ด้านนายอธิราษฎร์ ดำดี อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า ตนนั่งอยู่ใน กนป. เป็นหนึ่งในกรรรมการที่ได้อนุมัติให้เห็นชอบในการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มโดยใช้งบ คชก.สนับสนุน 618 ล้านบาท เพราะเงินดังกล่าววัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่นโยบายนี้ช่วยโรงสกัดน้ำมันปาล์มและผู้ส่งออก เกรงจะผิดวัตถุ ประสงค์การใช้เงิน
สอดคล้องกับนายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และผู้แทนเกษตรกรในบอร์ด กนป. ที่กล่าวว่า จะเข้าไปผลักดันการซื้อขายปาล์มทั้งระบบให้มีความเป็นธรรม ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม ที่สำคัญจะต้องยกระดับราคาการซื้อขายทั้งประเทศในแต่ละจังหวัดให้มีความใกล้เคียงกัน จะต้องไม่ให้รัฐมาใช้เงินช่วยแบบทุกวันนี้ในการประกันรายได้ เป็นโจทย์ที่จะต้องนำไปหารือในที่ประชุม กนป. ต่อไป
“ราคาปาล์มที่ขยับสูงขึ้นในช่วงนี้ จากผลผลิตมีน้อย สวนทางกับสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศที่มีมากกว่า 6.5 แสนตัน แต่ราคาปาล์มกลับพุ่งแบบก้าวกระโดด เชื่อว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง ที่กลัวมากสุดคือการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มเข้ามามาสวมนโยบายรัฐที่จะมีการผลักดันส่งออก ตรงนี้จะเป็นความเลวร้ายของคนที่จะซ้ำเติมประเทศชาติ และความทุกข์ของเกษตรกร หากสต๊อกยังคงอยู่อย่างนี้จนถึงเดือนตุลาคม ฟันธงได้เลยว่ามีการลักลอบ ทางกลุ่มจะมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นแนวทางไหน ให้จับตาดูต่อไป”
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,611 วันที่ 20 - 23 กันยายน พ.ศ. 2563