อคส.งานเข้า ตามหาเงิน2,000ล้าน

17 ก.ย. 2563 | 07:15 น.

อคส.งานเข้า ตามหาเงิน 2,000 ล้าน ซื้อขายถุงมือยางไม่ผ่านการอนุมัติจากบอร์ด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่าช่วงเช้า(17 ก.ย. 2563)นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ(บอร์ด)องค์การคลังสินค้า(อคส.)ได้เรียกประชุมด่วนผู้บริหารองค์การคลังสินค้า กรณีมีการถอนเงินจากบัญชีของอคส.ไป 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนในธุรกิจถุงมือยาง ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีการผ่านความเห็นชอบจากบอร์ดอคส.

 

ส่งผลให้สังคมและพนักงานอคส.เกิดคำถามถึงที่มาที่ไปของเงินว่ามีการดำเนินการถอนออกจากบัญชีได้อย่างไร ซึ่งจากการสอบถามไปยังประธานบอร์ด อคส. ได้ให้ข้อมูลว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์และมีข้อสงสัยในฐานะประธานบอร์ดจึงต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อทราบที่มาว่าเป็นอย่างไรเพราะเรื่องนี้ยังไม่เคยผ่านการอนุมัติจากบอร์ด ซึ่งต้องรอข้อมูลจากผอ.อคสที่จะทำสรุปมารายงานอีกครั้ง

 

ด้านแหล่งข่าวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เช้าวันที่ 17 กันยายน 2563 มีการเรียกประชุมผู้บริหารเป็นการเร่งด่วนเพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว เพราะเงินมูลค่า 2,000 ล้านบาทนำไปใช้ในการซื้อถุงมือยางเพื่อนำไปจำหน่ายต่อและมีการจ่ายเงินให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่ตั้งมาได้ไม่นาน
 

ทั้งนี้รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าาการกระทรวงกลาโหม ได้ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 31/2563 เรื่องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมาปฏิบัติหน้าที่ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ โดยบรรจุและแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 9/2562 เรื่องการยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บางฉบับที่หมดความจำเป็น โดยยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดกรอบอัตราชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อรองรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด

 

ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปประเทศ ตลอดจนก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและแก้ไขข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานขององค์การคลังสินค้า นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า มาปฏิบัติหน้าที่ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรีโดยบรรจุและแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง เงินอื่น และสิทธิประโยชน์เดิมที่ได้รับอยู่ จนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป