เวียดนามจัดเที่ยวบินพิเศษ ดึงลงทุนไทยแข่งโควิด

12 ส.ค. 2563 | 05:55 น.

เวียดนามจัดเที่ยวบินพิเศษ อำนวยความสะดวกการเดินทางดึงนักลงทุนไทยเต็มที่ เผยมิ.ย.-ก.ค.รวม 3 เที่ยวบิน นักลงทุน 114 คน เร่งแก้ปัญหาโควิดหวั่นลามเศรษฐกิจรอบ2

 

นายสนั่น  อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เผยถึงสถานการณ์ในเวียดนามหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยที่มีธุรกิจในเวียดนาม

 

1.เรื่องการนำผู้ประกอบการหรือนักลงทุนไทยที่มีธุรกิจในเวียดนามเพื่อกลับเข้าประเทศเวียดนาม หลังจากที่เวียดนามปิดการบินระหว่างประเทศ ทางสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม ได้ประสานงานและอำนวยความสะดวก จัดเที่ยวบินพิเศษให้กับนักลงทุนไทยในการเดินทางไปยังประเทศเวียดนามจำนวนทั้งสิ้น 3 เที่ยวบิน ดังรายละเอียดดังนี้

 

เที่ยวแรกวันที่ 16 มิถุนายน 2563 จัดเที่ยวบินพิเศษ Share Cargo Flight ของ Thai Vietjet ระหว่างกรุงเทพฯและโฮจิมินห์เป็นเที่ยวให้นักลงทุนไทย 6 คน, เที่ยวสอง วันที่ 25 เมษายน  2563 จัดเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำ Charter Flight ของ Thai Smile ระหว่างกรุงเทพฯและโฮจิมินห์เป็นเที่ยวให้นักลงทุนไทย 98 คน, เที่ยวที่สาม วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 จัดเที่ยวบินพิเศษ Share Cargo Flight ของ Thai Vietjet ระหว่างกรุงเทพฯและโฮจิมินห์แก่นักลงทุนไทย 10 คน โดยการจัดเที่ยวบินให้นักลงทุนไทยกลับเวียดนามประสบความสำเร็จเรียบร้อยทุกประการ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“เวียดนาม”เนื้อหอม ต่างชาติแห่ลงทุนหลังโควิด-19

เสียเปรียบตลาด FTA เวียดนาม 3 เท่าตัว เอกชนจี้รัฐเร่งร่วมวง CPTPP

โอกาสทองการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในนครโฮจิมินห์

เวียดนามจัดเที่ยวบินพิเศษ  ดึงลงทุนไทยแข่งโควิด

                                  สนั่น  อังอุบลกุล 

2.เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ในเวียดนามนั้น เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศว่า เวียดนามสามรรถบริหารจัดการเกียวกับการป้้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ดีและรวดเร็วตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และสามารถควบคุมอย่างได้ผล โดยใช้มาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่การบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ปิดสถานบันเทิง ห้ามการชุมนุมของประชาชน ปิดสถานศึกษาโดยให้มีการเรียนการสอนทาง Online รวมถึงการปิดการสัญจรของสายการบินระหว่างประเทศ และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพียง 400 กว่าราย และไม่มีผู้เสียชีวิต

 

อย่างไรก็ดีผลของมาตรการควบคุมก่อให้เกิดความชะงักงันทางเศรษฐกิจของเวียดนามเช่นเดียวกับประเทศอื่น ทั่วโลก รัฐบาลจึงจัดงบประมาณ และออกมาตรการเยียวยาประชาชนในหลายมาตรการ และเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ รัฐบาลจึงพยายามส่งเสริมให้ประชาชนได้มีการใช้จ่าย โดยจัดโครงการ Safe Haven ให้ประชาชนเดินทางพักผ่อนและท่องเที่ยวภายในประเทศ

 

แต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 เวียดนามต้องประสบปัญหาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสอง หลังจากที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศ โดยไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวมถึงไม่มีผู้เสียชีวิต เป็นระยะเวลา 99 วัน โดยผู้ติดเชื้อใหม่ของชาวเวียดนามในนครดานัง และผู้ติดเชื้อไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ และยังไม่สามารถหาต้นตอของผู้แพร่เชื้อรายแรกที่เกิดขึ้นใหม่ รัฐบาลได้ใช้มาตรการปิดโรงพยาบาล ที่พบการแพร่เชื้อในดานัง 3 แห่ง และอพยพนักท่องเที่ยวที่ดานัง จำนวนกว่า 80,000 คน ออกจากดานังภายใน 4 วัน และให้นักท่องเที่ยวกลับไปกักกันตัวเอง 14 วันในภูมิลำเนาของตัวเองและรายงานตัวทางแอพพลิเคชั่น แต่การแพร่ระบาดก็ยังเพิ่มวันละหลายสิบคนในดานัง และแพร่ระบาดไปยังอีก 10 จังหวัดรวมถึงฮานอย และโฮจิมินหฺ์ และเริ่มมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถึงสถานการณ์ล่าสุดเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่อีกเท่าตัวของตัวเลขเดิม รวมเป็น 800 กว่าคน มีผู้เสียชีวิต 11 คน

  

เวียดนามจัดเที่ยวบินพิเศษ  ดึงลงทุนไทยแข่งโควิด

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รัฐบาลเริ่มออกมาตรการควบคุม แม้จะไม่เข้มข้นเหมือนรอบแรก เช่น บังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 300,000 ด่องหรือประมาณ 450 บาทไทย ห้ามมีการรวมตัวกัน ปิดสถานบันเทิง หรือการจัด Event ต่างๆ และปิดสถานศึกษาอีกรอบหนึ่ง รัฐบาลได้เพิ่มการตรวจเชื้อและ Lock Down ในเขตที่มีผู้ติดเชื้อใหม่ รวมถึงการคุมเข้มผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อใหม่ ควบคุมการแอบลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึงการปิดด่านตามชายแดน

 

สำหรับการดำเนินธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม ยังคงให้มีการดำเนินตามปกติ เพียงแต่ต้องมีมาตรการป้องกันในแต่ละองค์กรธุรกิจ เพราะรัฐบาลก็เป็นห่วงในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ และทางรัฐบาลเวียดนามได้พยายามสืบเสาะหาต้นตอของการแพร่ระบาดรอบใหม่และพยายามหยุดการแพร่ระบาดครั้งใหม่อย่างจริงจัง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีต่อไป