กลุ่มปตท.โชว์ผลประกอบการครึ่งปีกำไรลดลง 81 %

11 ส.ค. 2563 | 07:55 น.

กลุ่มปตท.แจ้งผลประกอบการรอบ 6 เดือน ปีนี้ กำไรลดลง 81 % มาอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เหตุสงครามราคาน้ำมันต่ำ จากการล้นตลาด และการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผย ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 54,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21,823 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  67.4 % จากไตรมาส 1 ปี 2563 ปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนเป็นผลมาจากการวางแผนการดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งมีค่าเสื่อมราคาและภาษีเงินได้ลดลงส่งผลให้มี กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2563 จำนวน 12,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,607 ล้านบาท หรือเพิ่มมากกว่า 100% จาก ขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2563 จำนวน 1,554 ล้านบาท

 

ขณะที่ ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 86,593 ล้านบาท ลดลง 67,734 ล้านบาท หรือลดลง 43.9%  จากช่วงครึ่งแรกของปี 2562 เนื่องจาก สงครามราคาน้ำมัน สภาวะอุปทานล้นตลาดของน้ำมันดิบ ประกอบกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่มาตรการปิดเมืองในหลายประเทศส่งผลให้ ปตท. และบริษัทย่อย  มีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2563 เป็นจำนวน 10,499 ล้านบาท ลดลง 44,751  ล้านบาท หรือ ลดลง 81 %  จากในครึ่งแรกของปี 2562

กลุ่มปตท.โชว์ผลประกอบการครึ่งปีกำไรลดลง 81 %

                                    นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กำไรกลุ่มปตท.ครึ่งปีวูบ 1.4 หมื่นล้าน สงครามการค้าฉุดราคาผลิตภัณฑ์ร่วง

ปตท.ปี 62กำไรสุทธิ 92,951 ลบ. ลด22% ปันผล1.10บ./หุ้น

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมัน ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท. ยังคงไว้ซึ่งภารกิจหลักด้านความมั่นคงทางพลังงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน ในด้านการบริหารองค์กร กลุ่ม ปตท. ได้ประเมินผลกระทบและติดตามสถานการณ์ พร้อมวางแผนการดำเนินการทั้งระยะสั้นและระยะยาว ผ่านศูนย์ PTT Group Vital Center ด้วยแนวคิด 4 R’s เริ่มจาก Resilience สร้างความยืดหยุ่นพร้อมดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างความปลอดภัยให้พนักงาน ประเมินสุขภาพองค์กร ลด-ละ-เลื่อน ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกลุ่ม ปตท. ในปี 2563 ได้ 10%-15% 

 

พร้อมทั้งจัดความสำคัญของโครงการลงทุน Restart เตรียมความพร้อมในการนำธุรกิจ พนักงาน ลูกค้าและคู่ค้า กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุดและรักษาความสามารถทางการแข่งขัน Re-imagination เตรียมออกแบบธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดเป็น Next normal ทั้งการเติบโตในธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ และ Reform พิจารณาปรับเปลี่ยนโดยจัดโครงสร้างองค์กรหรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ ให้สอดคล้องกับทิศทางในอนาคต พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น

กลุ่มปตท.โชว์ผลประกอบการครึ่งปีกำไรลดลง 81 % https://www.thansettakij.com/content/money_market/422248

 

นอกจากนั้น ยังมีนโยบายในการบริหารการเงินอย่างเคร่งครัด ทั้งการรักษาสภาพคล่องและความแข็งแกร่งทางการเงินของกลุ่ม ปตท. โดยในช่วงที่ผ่านมา ปตท. ได้เสนอขายหุ้นกู้จำนวน 3 ครั้ง เพื่อใช้ในการลงทุนเป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด  ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีและสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ  แบ่งเป็น การออกหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐ อายุ 50 ปี วงเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสนอขายให้กับนักลงทุนต่างประเทศ

 

สำหรับการออกหุ้นกู้ของ ปตท. ครั้งนี้ ถือเป็นการออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐอายุ 50 ปี ครั้งแรกที่ออกโดยบริษัทในกลุ่ม Asia and Emerging Markets อีกส่วนคือการออกหุ้นกู้สกุลบาท เสนอขายให้กับนักลงทุนในประเทศ ทั้งนักลงทุนทั่วไป นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท และในจำนวนนี้ รวมการออกหุ้นกู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือกรีนบอนด์ จำนวน 2,000 ล้านบาทด้วย  ซึ่ง ปตท. ถือเป็นองค์กรแรกในประเทศไทยที่เสนอขายกรีนบอนด์ให้กับนักลงทุนทั่วไป และกรีนบอนด์ของ ปตท. ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ที่ได้รับ Certification ด้านอนุรักษ์ป่าจาก Climate Bond Institution (CBI) เป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย

กลุ่มปตท.โชว์ผลประกอบการครึ่งปีกำไรลดลง 81 %

ในด้านการมีส่วนร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย กลุ่ม ปตท. ร่วมเคียงข้างคนไทยสู้ภัยโควิด-19 โดยสนับสนุนการดำเนินงานสู้ภัยโควิด-19 คิดเป็นมูลค่ารวม 851 ล้านบาท เช่น  ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชน โดยสนับสนุนส่วนลดราคา LPG แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ ลดราคาขายปลีกเอ็นจีวี (NGV) ให้กับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 659 ล้านบาท

 

สนับสนุนด้านงานวิจัยพัฒนา  และจัดหาอุปกรณ์ป้องกันและเจลแอลกอฮอล์ แก่บุคลากรทางการแพทย์  หน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมถึง  การบริจาคเงินแก่โรงพยาบาล คิดเป็นมูลค่า 192 ล้านบาท เป็นต้น