"เศรษฐกิจไทย" ได้เกรด A มีเสถียรภาพ-แนวโน้มต่างชาติลงทุนเพิ่ม

07 ส.ค. 2563 | 09:11 น.

นายกรัฐมนตรี พอใจ apan Credit Rating Agency(JCR) หรือ บริษัทการจัดอับดับเรตติ้งของญี่ปุ่น มองภาพรวมเศรษฐกิจไทย “มีเสถียรภาพ” แนวโน้มการลงทุนต่างชาติเพิ่ม ยืนยันไทยมีแผนบริหารจัดการหนี้สาธารณะที่รัดกุม

วันที่ 7 ส.ค. 63 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดย บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR)  หรือ บริษัทการจัดอับดับเรตติ้งของญี่ปุ่น ยืนยันมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable outlook)

 

และความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศ ที่ระดับ A- และสกุลเงินบาทที่ระดับ A เนื่องจากประเทศไทยมีมาตรการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างมีประสิทธิภาพ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ฟิทช์"หั่นเครดิตรวด 33 ประเทศเซ่นพิษโควิดครึ่งแรกของปีนี้

S&P ชี้รัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มถูกหั่นอันดับความน่าเชื่อถือมากขึ้น

“CENTEL” ยังแกร่ง คงอันดับทริสเรทติ้ง ระดับ A ท่ามกลางโควิด

ไทยรับมือโควิด-19 ดี JCR ยันให้เครดิตเท่าเดิม

 

ในส่วนของการลงทุนจากต่างประเทศ ก็มีข้อมูลที่น่ายินดี เมื่อบีโอไอได้เปิดเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนของปี 2563  (มกราคม-มิถุนายน) รวม 754 โครงการ เพิ่มขึ้น 7%  มูลค่าเงินลงทุน 158,890 ล้านบาท

และเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในโครงการใหม่ถึง 366 โครงการ หรือ 49% โดยมียอดเงินลงทุนรวม 42,520 ล้านบาท ขณะที่เป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซี(EEC)ถึง 225 โครงการมูลค่าเงินลงทุนรวม 85,480 ล้านบาท  

 

นางสาวรัชดา กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลทำงานแบบ “New Normal” เดินหน้าสู่อนาคต โดยมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังโควิด-19 แต่ยังคงยึดวินัยการเงินการคลัง รักษาระดับหนี้สาธารณะ ซึ่งนายกฯ มอบแนวทางให้สำนักบริการหนี้สาธารณะที่ดูแลเรื่องการกลั่นกรองแผนความต้องการกู้เงินระยะปานกลาง 5 ปี (พ.ศ.2564-2568)

 

และแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2564 ยึดเหตุผลความจำเป็นและความต้องการเงินกู้อย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่กฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐและกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะทั้งนี้เพื่อให้การลงทุน การดำเนินโครงการ/แผนงาน นำไปสู่การกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจและรองรับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า การจัดเรทติ้งของญี่ปุ่นเป็นสัญญาณที่ดีสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ยากลำบาก แต่รัฐบาลพร้อมขับเคลื่อนโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ และการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เน้นการจ้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งได้ทำมาแล้วหลายโครงการมากและยังคงจัดสรรงบประมาณให้เดินหน้าต่อไป