“สนธิรัตน์” ย้ำประชาชนต้องมีรายได้จาก “พลังงาน”

11 ก.ค. 2563 | 10:35 น.

นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมชมระบบโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าแบบติดตั้งลอยน้ำ (Floating PV) ขนาด 2.48 กิโลวัตต์ ณ บริเวณพื้นที่แก้มลิงของตำบลท่ามะนาว จังหวัดลพบุรี เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้สำหรับสูบน้ำให้กับเกษตรกร ซึ่งส่งจ่ายให้กับพื้นที่เพาะปลูกกว่า  10 ไร่ สามารถลดต้นทุนการสูบน้ำให้เกษตรกรหมู่ที่ 1 บ้านสันตะลุง และหมู่ที่ 6 บ้านท่าฉาง โดยการติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์แบบลอยน้ำนั้นทำให้แผงโซล่าเซลล์มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าดีกว่าแบบติดตั้งบนบก 8% และไม่เสียพื้นที่การเกษตร และความเย็นของน้ำช่วยทำให้การทำงานของแผงโซล่าเซลล์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“สนธิรัตน์” ย้ำประชาชนต้องมีรายได้จาก “พลังงาน”

นอกจากนี้  ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมระบบผลิตและส่งก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร ระดับชุมชน ตำบลท่ามะนาว ที่กระทรวงพลังงานได้เข้าไปพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียแบบปิดหรือระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสุกร ซึ่งนอกจากจะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นแล้ว ยังได้ประโยชน์จากการส่งก๊าซชีวภาพไปยังมากกว่า 500 ครัวเรือนเพื่อทดแทนการใช้ก๊าซหุงต้ม หรือคิดเป็น จำนวนเงินมากกว่า 800,000 บาท  ต่อปี

และยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำฟาร์มปศุสัตว์ 5,515 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทำให้ชุมชนมีรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตไปแล้วกว่า 3,178ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าคิดเป็นจำนวนเงิน 744,690บาท นับว่าเป็นต้นแบบการพัฒนาด้านพลังงานอย่างยั่งยืน

จากที่ได้ดูงานจะเห็นได้ว่า กระทรวงพลังงานได้พยายามพัฒนาและส่งเสริมการดำเนินงานด้านพลังงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเห็นพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดได้มีโอกาสเข้าถึงการดำเนินงานด้านพลังงานจากการร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าชุมชนซึ่งนอกจากพ่อแม่พี่น้องจะมีรายได้จากการปลูกพืชเกษตรเพื่อส่งเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าแล้ว ยังมีรายได้จากการเป็นหุ้นส่วนของโรงไฟฟ้า เกิดการจ้างงานในพื้นที่ เมื่อประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมซึ่งผมเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานด้านพลังงานตาม นโยบาย Energy for all จะช่วยพลิกวิกฤติด้านเศรษฐกิจภายหลังจากสถานการณ์ โควิด-19