นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าราคาข้าวสารปรับตัวลง เนื่องจากผู้ซื้อในตลาด ยกตัวอย่าง ข้าวสาร5% ราคาเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในช่วงโควิด ตันละ 17,500-18,000 บาท ขณะนี่ (10 ก.ค.63) ราคาข้าวสารเริ่มปรับลงเหลือตันละ 12,500 -13,000 บาท จึงส่งผลทำให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวลง ตันละ 8,700 -9,000 บาท เพราะตลาดแคบซบเซา ประกอบกับผู้ซื้อมีปริมาณการซื้อจำกัด
“ยอมรับเลยว่าตลาดช่วงนี้มีความปั่นป่วนมาก โรงสีซื้อข้าวมาไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมฯ ตลาดแคบมาก หาผู้ซื้อยากทำให้ประสบภาวะเจ็บตัวกัน แม้ว่าในช่วงนี้ผลผลิตจะมีไม่มาก แต่ภาวะตลาดไม่มีการเคลื่อนไหว”
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ประมาณปลายเดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม เป็นต้นไป ชาวนาจะเริ่มเกี่ยวข้าวในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) จะเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่กลางตุลาคม เป็นต้นไป”
“ขณะนี้ตลาดข้าวสารซบเซามาก ไม่มีแรงซื้อจากผู้ส่งออก โรงสีก็มองว่าสถานการณ์ปริมาณข้าวมีน้อยก็สต็อกข้าวเปลือกไว้ ปรากฎว่าปลายทางไปไม่รอดราคาข้าวสารกลับทิ้งตัวดิ่งลงมา ราคาผันผวนจริง จึงทำให้โรงสีเจ็บตัวกันเยอะมากต้องไต่ตรองกันให้ดีมีทั้งมุมบวกและลบ ให้ระมัดระวังจังหวะการซื้อขายให้ดี แต่อย่าตื่นตกใจจนเกินเหตุ ค่อยๆประเมินสถานการณ์ เป็นไปตามกลไกตลาดต้องคอยติดตามตลาดข้าวสารให้ดี”