“สมอ.” โชว์จับสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 10 ล้านบาท

03 ก.ค. 2563 | 03:35 น.

“สมอ.” โชว์จับสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 10 ล้านบาท ช่วง Work from home

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ “สมอ.” เปิดเผยว่า ในช่วงการปฏิบัติงานภายในที่พัก  (Work from Home)  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการนำเข้าสินค้าที่ สมอ. ควบคุม ทั้ง 119 รายการ ของผู้รับใบอนุญาต ผ่านระบบ National Single Window หรือ “NSW” อย่างใกล้ชิด พบมีผู้รับใบอนุญาตนำเข้าสินค้าไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต จึงดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีผู้รับใบอนุญาตจำนวน 3 ราย นำเข้าสินค้าไม่ตรงกับที่แจ้งในระบบ NSW ดังนี้

บริษัท จุฑาวรรณ โมลิเทค (ไทยแลนด์) จำกัด นำเข้าเหล็กไม่ตรงกับที่ได้รับใบอนุญาต ตาม มอก. 1501-2552  เหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกล จึงได้เข้าตรวจสอบที่โกดังในจังหวัดระยอง พบเหล็กจำนวน 1 ม้วน น้ำหนักกว่า 12 ตัน มูลค่ากว่า 600,000 บาท จึงอายัดสินค้าทั้งหมดไว้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในฐานความผิดนำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

“สมอ.” โชว์จับสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 10 ล้านบาท

มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าย้อนหลังของบริษัทดังกล่าวตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2562 – มิถุนายน 2563 พบมีการนำเข้าไม่ตรงกับใบอนุญาต รวม 5 ครั้ง น้ำหนัก 46 ตัน มูลค่ากว่า 2.3 ล้านบาท ซึ่ง สมอ. จะตรวจสอบโดยละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป

บริษัท จีเอช-ไลท์ติ้ง จำกัด นำเข้าหลอดไฟ โดยไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 43,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท สมอ. จึงได้อายัดสินค้าไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีความผิดฐานไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาตบนสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 3 แสนบาท
 

บริษัท เอสติมา ไทร์ จำกัด นำเข้ายางล้อรถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้เข้าตรวจสอบโกดังเก็บสินค้าของบริษัทดังกล่าว ณ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พบยางล้อรถยนต์จำนวน 202 เส้น จึงได้ดำเนินการอายัดสินค้าไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และได้แจ้งให้บริษัทเรียกคืน (Recall) สินค้าทั้งหมด กลับจากร้านค้าย่อยโดยเร็ว

นอกจาก สมอ. จะตรวจสอบการนำเข้าผ่านระบบ NSW อย่างเข้มงวดแล้ว ยังตั้งทีมนักรบไซเบอร์ ตรวจติดตามการจำหน่ายสินค้าออนไลน์อย่างต่อเนื่องทั้ง 36 แอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ยอดนิยมของไทย เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น เป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐาน ล่าสุดพบการจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแอปพลิเคชั่นชื่อดัง 2 แห่ง จึงขยายผลเข้าตรวจสอบยังโกดังเก็บสินค้าและร้านจำหน่ายทั้ง 2 แห่ง

“สมอ.” โชว์จับสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 10 ล้านบาท

สำหรับแห่งที่ 1 เป็นของบริษัท แอล ที เอ็น ไล้ท์ติ้ง กรุ๊ป จำกัด ย่านบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ตรวจสอบพบหลอดไฟ และพัดลม จำนวน 32,722 ชิ้น มีการแสดงเครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต มูลค่ารวม 4.10 ล้านบาท แห่งที่ 2 เป็นร้านจำหน่ายของ บริษัท เอ็มวีคอม จำกัด อยู่ย่านงามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี พบหลอดไฟ และโคมไฟ ไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 50 ชิ้น มูลค่ารวม 50,000 บาท จึงอายัดสินค้าดังกล่าวไว้ และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดฐานมีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานไว้เพื่อการโฆษณาและจำหน่าย จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานทำกระจกเทมเปอร์และกระจกนิรภัยหลายชั้นอีก 4 แห่ง ในเขต กทม. และจังหวัดนครปฐม ของบริษัท อาไซเคะ อินดัสตรี จำกัด บริษัท สมชัย อะลูมิเนียม จำกัด บริษัท เอส.เอ็น. เทมเปอร์กลาส จำกัด และบริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จำกัด พบมีการทำกระจกโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สมอ. มูลค่ารวมกว่า 1.7 ล้านบาท จึงอายัดสินค้าไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด

ทั้งนี้ สมอ. ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ทำ และนำเข้า รวมถึงผู้จำหน่ายทุกรายว่า กระจกเป็นสินค้าที่ สมอ. ควบคุมหนึ่งในจำนวน 119 รายการ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา จึงขอให้ท่านมายื่นขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำ หรือนำเข้าสินค้าดังกล่าว มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

“สมอ.” โชว์จับสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 10 ล้านบาท

“สมอ. จะดำเนินการให้ถึงที่สุดกับผู้ประกอบการที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายหาผลประโยชน์ หลีกเลี่ยงที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และเอาเปรียบผู้บริโภค สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะผู้นำเข้าที่แจ้งข้อมูลการนำเข้าในระบบ NSW ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ขณะนี้ สมอ. ได้ขอต่อเชื่อมข้อมูลกับกรมศุลกากรเรียบร้อยแล้ว และกำลังดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าของผู้นำเข้าที่ต้องสงสัยทั้งหลายย้อนหลัง 3 ปี จึงขอเตือนไปยังผู้นำเข้าทุกราย ให้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะได้เติบโตอย่างยั่งยืน”