“คลายล็อก4”นั่งรถไฟฯข้ามจว.พุ่ง8,000คน/วัน สายอีสานแน่นสุด

13 มิ.ย. 2563 | 05:05 น.

"คลายล็อก4" การรถไฟฯ  สรุปยอดเปิดเดินขบวนรถชานเมือง(เพิ่มเติม) –ทางไกลข้ามจังหวัด ยอดพุ่งเฉลี่ย8,000คนต่อวัน แน่นสุดสายอีสาน  

การเปิดเดินขบวนรถทางไกล  -เดินรถชานเมือง เพิ่มเติม หลังมีมาตรการผ่อนคลายระยะ 4 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) พบประชาชนเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดภายใต้เวลาเคอร์ฟิว เพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก

 

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้เปิดให้บริการเดินขบวนรถโดยสารทางไกล ขบวนรถชานเมือง ขบวนรถธรรมดา และขบวนรถท้องถิ่น พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการเปิดเดินขบวนรถโดยสารพิเศษออกไปอีก 30 วัน เป็นการเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2563 หลังจากรัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนผ่อนคลายการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดให้รถโดยสารสาธารณะสามารถเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในช่วงเวลาเคอร์ฟิวได้ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ในระยะที่ 4 เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยรถไฟ ทั้งการเดินทางภายในเขตเมือง ระหว่างเมือง และทางไกล ข้ามเขตพื้นที่จังหวัด สำหรับการเดินทางของประชาชนเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดเดินขบวนรถเพิ่มเติม ภาพรวมด้านการโดยสารขบวนรถให้บริการเพียงพอ มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น จำนวน 26,225 คน แบ่งออกเป็น ผู้โดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพ จำนวน 13,733 คน และผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพ จำนวน 12,492 คน เส้นทางที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นที่สุด คือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 7,446 คน รองลงมาคือสายใต้ จำนวน 5,804 คน สายเหนือ 5,722 คน สายตะวันออก 4,441 คน และสายแม่กลอง 2,812 คน มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ที่มีผู้โดยสารเดินทางเพียง 18,218 คน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในวันนี้ (วันที่ 12 มิถุนายน 2563) จะมีประชาชนเดินทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะเปิดเดินขบวนรถครบทั้งขาเข้าและขาออก และเป็นวันสุดท้ายของการทำงานก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยจะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางทั่วประเทศประมาณ 30,000 คน

ปัจจุบันมีขบวนรถที่ให้บริการทั้งหมด จำนวน 169 ขบวน (ไป-กลับ) ประกอบด้วย ขบวนรถโดยสารทางไกล จำนวน 11 ขบวน (ไป-กลับ) และขบวนรถชานเมือง และขบวนรถธรรมดา และขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 152 ขบวน (ไป-กลับ) และขบวนรถโดยสารพิเศษ จำนวน 6 ขบวน (ไป-กลับ) ที่ขยายเวลาให้บริการเพิ่มอีก 30 วัน (ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน – 17 กรกฎาคม 2563)

 

นายนิรุฒฯ กล่าวต่อว่า ในด้านมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด โดยให้พนักงานด้านปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และถุงมือยางและ Face shield ตลอดเวลาที่ให้บริการ การตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มข้น การจัดให้มีแอลกอฮอล์เจลบริการอย่างเพียงพอและทั่วถึง ทั้งบริเวณสถานีและบนขบวนรถ การรักษาระยะห่าง Social Distancing ให้มีจุดยืน / นั่ง ให้ชัดเจน ทั้งที่สถานีและขบวนรถ โดยจำกัดการจำหน่ายตั๋วโดยสารสำหรับรถนั่งชั้น 2 - 3 ไว้ที่ร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด  เมื่อจำหน่ายเต็มตามที่ระบุแล้ว จะไม่จำหน่ายตั๋วอีกรวมทั้งตั๋วไม่มีที่นั่ง (ตั๋วยืน) สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางโดยรถนอนปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2 ได้มีการกำหนดจุดที่นั่งก่อนที่จะมีการปรับเก้าอี้เป็นเตียงนอน ทั้งเตียงบนและเตียงล่าง เพื่อให้มีการรักษาระยะห่าง และการงดจำหน่ายอาหารบนขบวนรถ หากผู้โดยสารที่เดินทางไกลเกินกว่า 3 ชั่วโมง ให้เตรียมอาหารไปรับประทานเอง และจะดำเนินการติดตั้ง แอปพลิเคชั่น (application) “ไทยชนะ” ที่สถานีและบนขบวนรถ (เป็นรายตู้/โบกี้) เพื่อใช้ควบคุมการเข้าออกของผู้โดยสารที่มาใช้บริการผ่าน Check-in และ Check-out จากแอปพลิเคชั่นดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ขอความร่วมมือผู้โดยสารทำการกรอกรายละเอียดในแบบคำร้องประกอบการซื้อตั๋ว และสำหรับผู้โดยสารที่จะต้องเดินทางข้ามเขตจังหวัด จะต้องกรอกข้อมูลเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทาง ตามแบบฟอร์ม ต.8/คค./รฟท. และได้รับการตรวจคัดกรอง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ฉะนั้น จึงขอให้ผู้โดยสารมาถึงสถานีล่วงหน้าก่อนเวลาเดินทาง