“คมนาคม” ชง ศบค. เปิดเส้นทางขนส่งสาธารณะ “ข้ามจังหวัด”

02 มิ.ย. 2563 | 09:21 น.

“คมนาคม” เตรียมชง ศบค. เปิดเส้นทางขนส่งสาธารณะเต็ม 100% หลังรัฐคลายล็อคดาวน์ระยะที่ 3 คาดได้ข้อสรุป 4 มิ.ย.นี้ พร้อมเข้มมาตรการเว้นระยะห่างต่อเนื่อง

นายอานนท์  เหลืองบริบูรณ์  รองปลัดกระทรวงคมนาคม  เปิดเผยภายหลังในฐานะประธานการประชุมเตรียมการระบบขนส่งสาธารณะ ภายหลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้ผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3  ว่า  ที่ประชุมฯ ได้หารือเรื่องการเปิดระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น หลังจาก ศบค. ได้ผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3  โดยที่ประชุมฯ เห็นว่า ศบค. ผ่อนปรนมาตรการค่อนข้างมากแล้ว จึงมีมติว่าควรเปิดเส้นทางการขนส่งสาธารณะ 100% ยกเว้นในจังหวัดที่ยังมีมาตรการห้ามเข้า ทั้งนี้มติดังกล่าวครอบคลุมการเปิดเส้นทางขนส่งสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถโดยสารสาธารณะ (รถทัวร์) รถไฟ และเครื่องบิน โดยรวมถึงการเปิดเส้นทางรถทัวร์เส้นทางสู่ภาคใต้และเปิดวิ่งรถไฟทางไกลด้วย 

 

สำหรับพื้นที่ 19 จังหวัด ที่มีมาตรการห้ามเดินทางเข้าออกเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 นั้น เบื้องต้นจังหวัดดังกล่าวมีแนวโน้มจะคลายล็อกดาวน์ แต่เพื่อความมั่นใจ จึงให้ขนส่งจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ไปสอบถามแต่ละจังหวัดเพื่อความชัดเจนก่อน  จากนั้นกระทรวงคมนาคมจะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดเล็กพิจารณาในวันที่ 4 มิถุนายน 2563 และคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการเปิดระบบขนส่งมวลชนในวันดังกล่าว

ที่ประชุมฯ จะเสนอให้ ศบค. เปิดเส้นทางขนส่งสาธารณะ 100% ยกเว้นแต่จังหวัดที่ยังห้ามเดินทางเข้าออก โดยเราคงเสนอ ศบค. ชุดเล็กได้วันที่ 4 มิถุนายนนี้และน่าจะรู้ผลในวันเดียวกัน ถ้าหาก 19 จังหวัดคลายล็อกดาวน์ คาดว่าวันที่ 5-6 มิถุนายน ก็น่าจะเปิดเดินรถปกติ 100% ส่วนเรื่องความถี่คงค่อยๆ ทยอยเพิ่มขึ้น ตามความต้องการของประชาชนและความพร้อมของผู้ประกอบการ

 

ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมยังกำหนดให้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมด ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ดังเดิม เช่น มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing), การให้บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ, การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เดินทาง, การสแกนแพลตฟอร์ม ไทยชนะเพื่อติดตามผู้โดยสาร กรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้น