สืบเนื่องจากกรณีที่ สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณาในโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน ในพื้นที่กลุ่ม2 มีสาขายโสธร สาขาอุบลราชธานี และสาขาศรีสะเกษ ปริมาณน้ำนมดิบที่ยื่นสมัครในแต่ละสาขา จำนวน 5 ตัน รวมเป็น 15 ตัน เพื่อเข้าโครงการนมโรงเรียน ทางสหกรณ์จุึงได้ทำหนังสือขอให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรายอื่นด้วย ที่มีข้อสงสัยว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แต่ทำไมถึงได้เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียน ประจำปี 2563 ซึ่งมีผู้สมัครรวมทั้งหมด 14 ราย
วันที่ 27 พ.ค.2563 รายงานข่าวจากกลุ่มคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนกลุ่มที่ 2 เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ผลการสอบไม่ทราบ แต่ว่าทางสหกรณ์โคมนมวังน้ำเย็นได้คืนโควตานมโรงเรียนจาก 6 สหกรณ์ รวม 9.5 ตัน/วัน ประกอบด้วย 1.สหกรณ์โคนมปากช่อง จำนวน 4 ตัน/วัน 2.สหกรณ์วารินทร์มิลล์ จำนวน 1 ตัน/วัน 3.สหกรณ์โคนมสีคิ้ว จำนวน 1 ตัน/วัน 4.บจก.คันทรีเฟรช จำนวน 1.5 ตัน/วัน 5.บจก.อีสานใต้แดรี่ 800 กิโลกรัมต่อวัน และ 6. บจก.ภูมมอมิลค์ จำนวน 700 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งการได้มาในครั้งนี้ก็คือให้บริษัท/สหกรณ์เขียนว่า “สละสิทธิ์” ให้สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น
ส่วนผลการสอบนั้น ไม่ปรากฏว่าอย่างไร ใครผิด ใครถูก แต่ได้ข่าวว่ามีผู้ใหญ่ "สั่งให้ลืม แล้วให้ทุกคนเริ่มกันใหม่"
อย่างไรก็ดี ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค.63 มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนและโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีแนวทางบริหารจัดการโครงการนมโรงเรียน ดังนี้กรณีเปิดภาคเรียนที่ 1/2563 วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ให้นักเรียนบริโภคนมชนิดยูเอชที ตามโครงการนมโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม-30 มิถุนายน 2563 ปรากฏว่าพื้นที่เด็ก 4 กลุ่ม กว่า กว่า 5 ล้านคนได้ดื่มนมโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ยังเหลือเด็ก 1.9 ล้านคนยังไม่ได้ดื่มนมโรงเรียน และยังไม่ทราบว่าจะได้ดื่มนมวันไหน เพราะต้องมีการมอบอำนาจและมีการทำสัญญาให้ อปท.ต่างที่จะต้องส่งมอบนมโรงเรียน
ด้าน นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ในส่วนบทบาทหน้าที่ของอ.ส.ค.ได้จัดทำสัญญาการมอบอำนาจระหว่างอ.ส.ค. กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เข้าร่วมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2563 จำนวน 75 รายแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2563ที่ผ่านมา เพื่อมอบอำนาจให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่ได้รับสิทธิจำหน่ายเข้าไปทำสัญญาจัดส่งนมกับท้องถิ่นและโรงเรียน จึงทำให้สามารถจัดส่งมอบนมให้โรงเรียนได้ทันวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นวันแรกและจะดำเนินการส่งมอบไปจนถึง 30 มิถุนายน 2563