นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารของ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ได้รายงานให้ นายทรงศักดิ์ ทราบถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยทางอีสท์ วอเตอร์ ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำฉะเชิงเทรา (คลองเขื่อน) เพิ่มประสิทธิภาพการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง เพื่อจ่ายน้ำช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา ที่สำคัญคือเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งคาดว่าพร้อมสูบน้ำได้ภายในเดือนกรกฏาคม 2563
นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์ ยังมีการการจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมจากบ่อดินเอกชน เข้ามาเสริมในพื้นที่ชลบุรีและฉะเชิงเทรา เร่งดำเนินการเพื่อซื้อแหล่งน้ำจากเอกชน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพน้ำ เพื่อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยคาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่เข้ามาเสริมจากบ่อดินเอกชน กว่า 15 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนความก้าวหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำครบวงจร ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกซึ่งเป็นโครงการของอีสท์ วอเตอร์ ที่สนับสนุนการดำเนินงานของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในช่วงวิกฤติภัยแล้ง ขณะนี้มีแผนระยะสั้น 3 มาตรการ ได้แก่ 1. โครงการสูบน้ำกลับคลองสะพานมายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำ 1.5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยอีสวอเตอร์ประสานกับกรมชลประทานเร่งดำเนินการ 2. โครงการผันน้ำคลองหลวงมายังอ่างเก็บน้ำบางพระ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำ 3 บ้านลูกบาศก์เมตร โดยกรมชลประทานเร่งดำเนินการ และ 3. โครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำวังโตนด จ.จันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำ 10-35 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมชลประทานและคณะกรรมการลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำวัง โตนด ได้ลงนามในข้อตกลงไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 สามารถเริ่มผันน้ำ 4.3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังร่วมกับอีสท์ วอเตอร์ และส่วนราชการในจังหวัด จัดโครงการ “ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการแบ่งปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19” มอบถุงยังชีพจำนวน 400 ถุง ให้ประชาชนในพื้นที่ชุมชนบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำบางพระ วัดเขาบางพระ ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019