ลดเวลาจ่ายชดเชย“ปาล์ม”เหลือ 30 วัน

24 พ.ค. 2563 | 09:39 น.

พาณิชย์ลดระยะเวลาการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยประกันรายได้ปาล์มน้ำมันให้เร็วขึ้นเหลือ 30 วัน จากเดิม 45 วัน เพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มช่วงราคาตกต่ำ ชี้หากราคายังผันผวน จ่อลดระยะเวลาจ่ายเหลือ 15 พร้อม เร่งกผฟ. ซื้อน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตไฟฟ้า 1.36 แสนตัน

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562-63 ได้เห็นชอบในการปรับระยะเวลาการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม จากเดิมจะพิจารณาทุก 45 วัน เป็นพิจารณาทุก 30 วัน เพื่อให้การพิจารณาส่วนต่างสะท้อนกับราคาที่แท้จริงในปัจจุบัน เพราะขณะนี้ ราคาบางช่วงมีการขึ้นลงเร็วมาก และยังช่วยให้ชาวสวนปาล์มได้รับการชดเชยรายได้เร็วขึ้น

ลดเวลาจ่ายชดเชย“ปาล์ม”เหลือ 30 วัน

ทั้งนี้ หากราคาผลปาล์มดิบยังผันผวน หรือขึ้นลงเร็ว ก็จะพิจารณาปรับระยะเวลาการพิจารณาชดเชยส่วนต่างรายได้ให้กับชาวสวนเร็วขึ้นเป็น 15 วัน เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ ได้ลดระยะเวลาการจ่ายชดเชยประกันรายได้ข้าว จากเดิมทุก 15 วันเหลือเพียงแค่ 7 วัน  โดยการปรับระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชย เพื่อให้เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือในช่วงที่ราคาผลปาล์มดิบตกต่ำ จะได้มีเงินใช้จ่ายเร็วขึ้น โดยมีวงเงินงบประมาณเพียงพอ เพราะได้รับงบประมาณมากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท และเพิ่งจ่ายชดเชยไปแค่ 3 งวด จาก 6 งวด เพราะราคางวดที่ 3-5 สูงเกินเพดานประกันรายได้ที่ 4 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) โดยงวดที่ 7 จะจ่ายในวันที่ 15 มิ.ย.2563

ลดเวลาจ่ายชดเชย“ปาล์ม”เหลือ 30 วัน

สำหรับแนวโน้มราคาปาล์มดิบ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 3-3.40 บาทต่อ กก. เพราะขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อเร่งรัดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซื้อน้ำมันปาล์มดิบกว่า 3.6 หมื่นตันไปผลิตไฟฟ้าโดยเร็ว และให้ซื้อในส่วนที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มีมติให้ซื้ออีก 1 แสนตันด้วย เพื่อดึงสต๊อกส่วนเกินออกจากระบบ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ยังมีความต้องการน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อนำไปผลิตน้ำมันดีเซลบี 10 เพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้เริ่มคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้มีการใช้น้ำมันสูงขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบสูงมาก คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบทั้งหมด หากมีการใช้เต็มที่ ก็จะดึงสต๊อกออกไปได้อีกมาก โดยสต๊อกปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 แสนตัน ถือว่าเกินกว่าปกติไม่มาก