นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากมาตรการดูแลผู้ประกอบการ "เอสเอ็มอี" (SMEs) ด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือ "ซอฟท์โลน" วงเงิน 5 แสนล้านบาทนั้น เข้าใจว่ามีเอสเอ็มอีที่เข้าถึงมาตรการได้ไม่ถึง 50% จากเอสเอ็มอีที่ ส.อ.ท. ดูแลอยู่ ซึ่งเป็นผุ้ประกอบการกว่า 90% ในจำนวนทั้งหมดของสมาชิก ส.อ.ท. ประมาณ 5-6 หมื่นรายที่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ เชื่อว่าจากจำนวนซอฟท์โลนดังกล่าวในปัจจุบันที่รัฐบาลออกมา ล่าสุดน่าจะมีการใช้วงเงินไปแค่เพียงไม่กี่หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นจึงยังเป็นโอกาสของเอสเอ็มอีในการเข้าถึงสินเชื่อ โดยปัจจุบัน ส.อ.ท. กำลังพิจารณาหาทางช่วยเหลือว่ามีการติดขัดที่ข้อระเบียบส่วนไหน
นอกจากนี้ ก็จะเร่งให้ทางบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) ออกโครงการค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี 9 (PSG9) ซึ่งจะมุ่งเน้นช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่องมากขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากโครงการ PSG8 นั้น วงเงินในการค้ำประกันกำลังใกล้จะหมด
“ส.อ.ท. มีคณะอนุกรรมการการเงินและภาษีที่คอยดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยมีนายประชา ส่งวัฒนา รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธาน ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการดูแลเรื่อง โควิด-19 (COVID-19)”
นายสุพันธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไม่สามารถเดินหน้าต่อ หรือทำธุรกิจต่อไปได้คือเรื่องสภาพคล่อง หรือการขอสินเชื่อ หากบางรายยังกู้เงิน หรือผ่อนผันการชำระเงินได้ก็ยังสามารถพอไปได้ เพียงแต่จะต้องลดค่าใช้จ่ายลง ส่วนกลุ่มที่ไม่สามารถมีกระแสเงินสดเข้าไปหมุนเวียน ส.อ.ท. ก็จะให้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่าลใกล้ชิด เพื่อดูแลสมาชิก
“สมาชิกรายใดที่ต้องการวงเงิน ส.อ.ท. จะมีการจัดเตรียมข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ให้สำหรับทุกสถาบันการเงิน รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียน และมีการนัดหมายกับสถาบันการเงินให้ โดยที่ผ่านมาก็เคยมีการนัดหมายกับธนาคารพัฒนาการวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว. (SME D Bamk) กับผู้ประกบอการ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารในการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลน”