นายสุพันธ์ุ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึง "ดัชนีความเชื่อมั่น" ภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 63 ว่า อยู่ที่ระดับ 75.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.0 ในเดือนมีนาคม 63 โดยเป็นค่าดัชนีฯ ที่ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน 52 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในทุกขนาดของอุตสาหกรรมทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
“ตนอยู่ ส.อ.ท. มานานยังไม่เคยเห็นดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนเดียวกันติดลบถึง 10 กว่าจุดเกือบทุกกลุ่ม หรือเกือบทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม โดยจะเห็นว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาดัชนีอยู่ที่ 88.80 ก็ถือว่าแย่อยู่แล้ว แต่เดือนนี้ลงมาถึง 75.9 เพราะดัชนีความเชื่อมั่นโดยมากจะลงมาประมาณ 1-3 จุด ก็ถือว่าเยอะแล้ว แต่ครั้งนี้ลงมาถึง 13 จุดนั้นเยอะมาก”
ทั้งนี้หากไปดูตามรายภูมิภาค หรือรายอุตสาหกรรมก็ลงมาอีก 10 กว่าจุด โดย "เอสเอ็มอี" (SMEs) ลดลงมาเหลือ 56.0 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเห็นจากเดิมที่จะมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 60-70 มาโดยตลอด ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางปรับตัวลดลงเหลือ 73.4 อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่าแม้แต่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เดือนนี้ปรับตัวลดลงเหลือ 94.7 ซึ่งตั้งแต่ตนแถลงข่าว หรือเห็นตัวเลขมาไม่เคยต่ำกว่า 100 โดยเดือนนี้ถือเป็นเดือนแรกที่ต่ำกว่า 100 ซึ่งจะเห็นว่าเดือนเมษายนการล็อกดาวน์ หรือการแพร่ระบาดของไวรัส "โควิด-19" (COVID-19) ส่งผลอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเดือนพฤษภาคมน่าจะดีขึ้น โดยมีการประเมินกันว่าเดือนเมษายนน่าจะเป็นเดือนที่ต่ำที่สุด สำหรับเศรษฐกิจในภาวะช่วงนี้
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญมาจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาดของภาครัฐ ส่งผลให้การใช้จ่ายและการบริโภคลดลงโดยเฉพาะสินค้าคงทน ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายชะลอการผลิต การลงทุน และลดการจ้างงาน อีกทั้งยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากขาดเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นอกจากนี้ ปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำลังซื้อในภาคเกษตร
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,102 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนเมษายน 63 พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากกังวลว่าเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก ทำให้คำสั่งซื้อต่างประเทศลดลง ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง คือ ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 44.9% ,อัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์) ในมุมมองผู้ส่งออก 39.2% ,ราคาน้ำมัน 29.7% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.9%
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับ 88.8 โดยลดลงจาก 96.0 ในเดือนมีนาคม ซึ่งค่าดัชนีฯ ต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 52 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการประกอบกิจการในอนาคตที่มีความไม่แน่นอนสูง จากปัญหาเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงภายหลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างไปทั่วโลก และยังไม่แน่ชัดว่าวิกฤติโควิด-19 จะสิ้นสุดเมื่อใด
“ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้ 1. ขอให้พิจารณาคืนเงินประกันไฟฟ้าให้กับธุรกิจ SMEs ที่ใช้มิเตอร์ขนาดไม่เกิน 50 แอมป์ เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการช่วงโควิด-19 2. ขอให้กรมสรรพากรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่ SMEs เป็นเวลา 3 ปีทุกธุรกิจ (ปีภาษี 2563-2565)”