นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการประมูลพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีกลางบางซื่อ แปลงเอ ขนาดที่ดิน 32 ไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ว่า ภายหลัง รฟท.ได้เปิดประมูลโครงการดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่พบว่าไม่มีเอกชนสนใจเข้าร่วมประมูล ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างทบทวนเงื่อนไข และเตรียมจัดประชุมเพื่อทดสอบความสนใจของภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Market Sounding) อีกครั้ง
“ตอนนี้เราเตรียมจะจัดมาร์เก็ตซาวดิ้งรอบใหม่ แต่ว่าติดปัญหาโควิด -19 ทำให้ยังจัดไม่ได้ ซึ่งระหว่างที่รอนี้ ก็จะเสนอรูปแบบประมูลใหม่ เพื่อให้จูงใจเอกชนมากขึ้น คือการร่วมเอาพื้นที่แปลงเอ และแปลงอี ประมูลพร้อมกัน”
ขณะเดียวกันการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.วันที่ 14 พ.ค.นี้ จะมีการเสนอขออนุมัติ ทำการศึกษาความเหมาะสมในรูปแบบรวมพื้นที่สถานีกลางบางซื่อส่วนของแปลงเอ ขนาดที่ดิน 32 ไร่ และแปลงอี ขนาดที่ดินกว่า 79 ไร่ เพื่อศึกษาเปิดประมูลไปพร้อมกัน เนื่องจากเล็งเห็นว่าพื้นที่แปลงอี มีศักยภาพในการพัฒนาได้ทันที และจะจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ รฟท.จะเสนอปรับแผนพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อในส่วนของสองแปลงดังกล่าวใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่มีเป้าหมายพัฒนาแปลงเอ ให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์แบบสผสมผสาน (มิกซ์ยูส) มีโครงการพัฒนาห้างสรรพสินค้า และอาคาร จะปรับเป็นพื้นที่รองรับสำนักงานแห่งใหม่ของ รฟท. ขณะที่พื้นที่แปลงอี จากเดิมจะพัฒนาสำนักงานแห่งใหม่ของ ร.ฟ.ท. จะปรับเปลี่ยนเป็นโครงการพัฒนาในลักษณะมิกซ์ยูส
ทั้งนี้ รฟท.จะเสนอปรับแผนพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อในส่วนของสองแปลงดังกล่าวใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่มีเป้าหมายพัฒนาแปลงเอ ให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์แบบสผสมผสาน (มิกซ์ยูส) มีโครงการพัฒนาห้างสรรพสินค้า และอาคาร จะปรับเป็นพื้นที่รองรับสำนักงานแห่งใหม่ของ รฟท. ขณะที่พื้นที่แปลงอี จากเดิมจะพัฒนาสำนักงานแห่งใหม่ของ ร.ฟ.ท. จะปรับเปลี่ยนเป็นโครงการพัฒนาในลักษณะมิกซ์ยูส
สำหรับสาเหตุที่ต้องเสนอขออนุมัติทำการศึกษาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อใหม่ เพราะเล็งเห็นว่าพื้นที่แปลงอีมีศักยภาพสูง อยู่ใกล้กับตัวสถานีรถไฟบางซื่อมากกว่าแปลงเอ ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาโครงการลักษณะมิกซ์ยูส อีกทั้งพื้นที่แปลงเอ เป็นพื้นที่ที่มีรางรถไฟคร่อมกลาง ทำให้ยากต่อการพัฒนาโครงการต่างๆ ซึ่งอาจไม่จูงใจให้เอกชนเข้าร่วมประมูลในครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามการปรับปรุงรายละเอียดของการพัฒนาพื้นที่ทั้งสองแปลงครั้งนี้ จะส่งผลให้มูลค่าการลงทุนปรับเปลี่ยนออกไปจากเดิม ทำให้ต้องมีการเสนอขอศึกษาใหม่ แต่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อโครงการ ส่วนประเด็นที่การศึกษาอาจทำให้โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อต้องล่าช้าออกไปนั้น ปัจจุบันก็ถือว่าโครงการล่าช้ากว่าแผนแล้ว เนื่องจากไม่มีเอกชนสนใจร่วมประมูล ดังนั้น รฟท.จึงต้องการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อความเหมาะสมมากขึ้น